เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์  “ศึกเลือกตั้งไม่เคยกลัว แต่กลัวศึกนารีพิฆาต” ถึงขนาดตายหมู่ยกพรรค

ท่านอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดนแจ้งความทั้งคดีอนาจารล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืนกระทำชำเรา จากผู้หญิงไปถึง 14 รายแล้ว

บรรดาผู้ใหญ่ในพรรคสู้ “ศึกเลือกตั้ง” มาสารพัดไม่หวั่นไหว แต่เจอ “ศึกนารี” ของอดีตรองหัวหน้าพรรคเข้าไป ออกอาการ “หน้าจ๋อย” แรกๆ ให้ลิ่วล้อพรรคระดับเด็กๆ เอาอ่างมาส่องหน้ากระผมว่า คนอย่างชูวิทย์ไม่ควรมาสอนเรื่องจริยธรรม พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำถึงขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวหรือ?

แทนที่จะให้ระดับหัวหน้าพรรค “จุรินทร์” หรือ “ท่านชวน” รีบออกมาขอโทษสังคม กลับเอาแค่รองโฆษกฯ มาพูดแทน ศึกเลือกตั้งครั้งใด พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยหวั่นเกรง พูดจาฉะฉาน ให้สัมภาษณ์โวหารคมกริบดั่งใบมีดโกน แต่เจอศึกนารีพิฆาตของอดีตรองหัวหน้าพรรคคนดี กลับทำตัวพูดไม่ออก บอกไม่ถูก กลายเป็นมีดโกนทื่อไปเสียอย่างนั้น

ไหนบอกว่าพรรคเป็น “สถาบัน” ก่อตั้งมาเสียนมนานกว่า 70 ปี ทำไมเสียฟอร์มเอาง่ายๆ อย่างนี้? ระบบสรรหาคัดเลือกคน ที่มีผู้หญิงเรียงแถวมาแจ้งความคดีอนาจาร ข่มขืน ไม่ใช่แค่ 2-3 คน แต่ถึงวันนี้ปาเข้าไป 14 คนแล้ว สงสัยเหลือเกินว่า ใครหนอช่างพาเหาะมาเป็นรองหัวหน้าพรรค ไม่รู้จักกิตติศัพท์กันบ้าง หรือแค่คลำดูไม่มีหางเป็นใช้ได้? บอกเลยว่า “ศึกนารีนี้ มันหนักกว่า ศึกเลือกตั้ง หลายเท่านัก”

น่าเวทนาเอาเสียจริงๆ