วันที่ 27 ก.ค. นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี ภรรยาเจ้าของอู่เคาะพ่นสีรถยนต์แห่งหนึ่งใน อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากร้องเรียนต้นสังกัดของ ครูบี (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ครูผู้ช่วยประถมวัย โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ที่แอบมีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับสามีของตนวัย 56 ปี แล้วไม่มีความคืบหน้า โดย นางเอ เล่าว่า เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ครูบี เอารถที่เฉี่ยวชนมาซ่อมที่อู่ซ่อมรถของสามี จากนั้นมีการแลกเบอร์โทรกัน ผ่านไปประมาณ 1 เดือนสามีเริ่มมีพฤติกรรมผิดปกติ บางวันไม่เข้าบ้าน แต่ละครั้งที่ออกไปขอเงินติดตัวไป 2,000 บาทแล้วหายไปทั้งคืน พอถามบอกว่าไปบ้านเพื่อน แต่แรกๆตนไม่เคยติดใจเพราะสามีไม่เคยเหลวไหล

นางเอ เล่าอีกว่า กระทั่งมีคนเห็นรถยนต์สามีตนไปจอดที่บ้านครูบีถึงเช้า จึงเริ่มสงสัย และตามไปดูให้เห็นกับตา พบว่า รถยนต์สามีจอดบ้านครูทั้งคืนจริง สอบถามสามีก็ยอมรับว่าไปนอนจริงแต่ไม่มีอะไรกัน ซึ่งครอบครัวไม่เชื่อพยายามเค้นถามสามีกลับหนีไปกับครูบี โดยลูกสาวได้เอาจีพีเอสติดรถไว้ ตรวจสอบพบว่าไปที่ จ.อุบลราชธานี โดยระหว่างที่สามีอยู่อุบลราชธานี ได้โทรศัพท์กลับมาหาลูกเขยบอกว่า “พ่อยกอู่ให้แล้วนะ” ส่วนพ่อจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับครูบี เพราะครูบี จะกู้เงินเปิดอู่ใหญ่ให้และจะไปหย่ากับสามีที่ทำงานอยู่เมืองนอก ผ่านไป 3 วันสามีก็กลับมาที่บ้าน เมื่อถามไม่ยอมตอบ บอกเพียงว่าจะเลิกกับครูบี แต่สุดท้ายยังทำตัวเหมือนเดิมแอบไปหากันเป็นประจำ ตนจึงนำหลักฐานเป็นภาพขณะทั้ง 2 นั่งคุยหยอกล้อกันนวดให้กันในอู่ ไปร้องเรียนที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต3 แต่ยังไม่มีความคืบหน้าจึงมาร้องผู้สื่อข่าวช่วยดังกล่าว

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามทางครูบี ผู้ถูกกล่าวหา เบื้องต้นบอกเพียงว่า อาจมีการเข้าใจผิดกัน ตนมีสามี มีลูกอยู่แล้ว จะไปคิดอะไรกับคนอายุ 56 ปี ที่เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ยืนยันว่าไม่เคยคิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับสามีคนอื่น

สอบถาม นายสุชิต ชมภูวงศ์ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 3 ล่าสุดระบุว่า ได้รับเรื่องการร้องเรียนจากภรรยาของเจ้าของอู่ไว้แล้ว เบื้องต้นได้ตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักการ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งการสอบสวนจะต้องอิงข้อกฎหมายด้วย