เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 25 เม.ย. ที่ สน.โชคชัย พ.ต.อ.พรทวี สมวงศ์ ผกก.สน.โชคชัย พร้อมพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ควบคุมตัว นายธีระวัฒน์ หรือ ฝิ่น วิจารณ์กุล อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงรถพยาบาลอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูขณะจอดอยู่ 3 นัด และมีวิถีกระสุน 1 ใน 3 นัด เฉียดศีรษะ น.ส.ธันญาพร เยี่ยมกลา ขณะนั่งอยู่บนรถฝั่งซ้ายของคนขับ แต่โชคดีที่กระสุนไปติดผนังกั้น จึงทำให้รอดตายอย่างหวุดหวิด เหตุเกิดบริเวณริมถนนประดิษฐ์มนูธรรมฝั่งขาออก เมื่อช่วงคืนวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อไปทำการส่งฝากขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังศาลไม่อนุมัติการปล่อยตัวชั่วคราวที่ญาติยื่นประกัน

พ ต.อ.พรทวี เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้มีการนำตัวผู้ต้องหาทำการฝากขังออนไลน์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งศาลอาญา รัชดาฯ มีการรับคำร้องฝากขังเป็นที่เรียบร้อย โดยพนักงานสอบสวนมีการยื่นการคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี

จากการสอบสวนระหว่างควบคุมตัวจนถึงช่วงสายวันนี้ ผู้ต้องหายังคงให้การยืนยันว่า สาเหตุของการก่อเหตุมาจากการไม่พอใจคู่กรณีที่ขับรถปาดหน้า จึงมีการใช้อาวุธปืนยิง ขณะที่ทางตำรวจได้มีการเชิญตัวแฟนสาวของผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังมีกระแสข่าวว่า ตัวแฟนสาวไม่เชื่อว่าสาเหตุของการก่อเหตุของผู้ต้องหามาจากการขับรถปาดหน้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งการสอบปากคำแฟนสาวให้ข้อมูลกับตำรวจยืนยันว่า กรณีที่มีกระแสข่าวในช่วงสายของเมื่อวานนี้ตนเองไม่ได้มีการพูดว่าไม่เชื่อ และยังคงยืนยันว่าสาเหตุเป็นไปตามที่แฟนหนุ่มให้การกับทางตำรวจ

ส่วนประเด็นที่ผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับมูลนิธิต่างๆ หรือไม่ ยืนยันว่า ไม่เคยเป็นอาสาสมัครมูลนิธิใดมาก่อน แต่ยอมรับว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เคยมีเพื่อนที่รู้จักกันเป็นอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจริง

ก่อนที่ในเวลาต่อมามีรายงานว่าทางญาติของผู้ต้องหามีการเดินทางไปยื่นประกันตัวที่ศาลอาญา รัชดาฯ โดยนำหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงิน 400,000 บาท ไปเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ในการประกันตัว แต่เบื้องต้นทางศาลไม่อนุมัติให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งขณะนี้ตำรวจ สน.โชคชัย อยู่ระหว่างการเตรียมนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไปส่งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

โดยระหว่างที่มีการคุมตัวนายธีระวัฒน์ ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาเพื่อเดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทีมข่าวได้สอบถามถึงสาเหตุของการก่อเหตุกับตัวผู้ต้องหาอีกครั้ง ซึ่งผู้ต้องหายืนยันว่าสาเหตุของการก่อเหตุยังคงเป็นเรื่องการขับรถปาดหน้ากันเพียงเท่านั้น ซึ่งผู้ต้องหายังเล่ารายละเอียดให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุ ตนเองขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่บริเวณถนนเลียบทางด่วนประดิษฐ์มนูธรรมขาออก ก่อนจะเจอรถตู้พยาบาลของอาสาสมัครขับปาดหน้าไปมาและบีบแตรใส่ ช่วงบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัล จึงเกิดความไม่พอใจและกลับบ้านเพื่อไปนำอาวุธปืนมายิง ทั้งนี้ตนเองไม่แน่ใจว่ารถคันที่ปาดหน้ากับคันที่ตนเองไปยิงเป็นคันเดียวกันหรือไม่ แต่เห็นว่าเป็นรถตู้แบบเดียวกัน และไปจอดในจุดเดียวกัน ซึ่งตนเองต้องการเพียงยิงใส่รถเท่านั้น เพราะเห็นว่าเจ้าของรถอยู่นอกรถและคิดว่าไม่มีคนอยู่บนรถ จึงยิงใส่รถก่อนจะหลบหนีไป ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า ตนเองรับงานจากผู้ว่าจ้างมา ยืนยันไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด.