จากกรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปภาพเหตุการณ์ กล่าวอ้างว่า ทางกลุ่มผู้เสียหายตามมาทวงเงิน 2 ล้านบาท จากหญิงสาวที่เป็นลูกหนี้ขณะกำลังขับรถไปจออยู่ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งพื้นที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี แต่ภายหลังมีตำรวจเข้ามาโวยวายและไม่ยอมให้มีการยึดรถที่หญิงสาวคนดังกล่าวขับโดยอ้างว่าเป็นรถของภรรยา ทำให้เกิดความสงสัยว่าตำรวจสามารถนำรถของกลางมาใช้ส่วนตัวได้ด้วยหรือ? พร้อมกับเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

สั่งสอบข้อเท็จจริง!ปมคลิปฉาว สาวใช้รถส่วนกลางตำรวจลวงเคลียร์เจ้าหนี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นายเอ (นามสมมุติ) เจ้าของรถเช่าในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย ด.ต.ภูวเรศ แป้นปลื้ม ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานป้องปราบปราม สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี และ น.ส.ดาว (นามสมมุติ) ได้นำเอกสารหลักฐานการเช่ารถ มามอบให้ พ.ต.ท.วิมนต์ แสงอุทัย รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ก่อนจะชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า รถคันดังกล่าวไม่ได้เป็นรถยนต์ของกลาง แต่เป็นรถที่เช่ามาใช้ และไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ตำรวจในทางมิชอบแต่อย่างใด

โดย นายเอ เจ้าของรถเช่า เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย ด.ต.ภูวเรศ และกลุ่มเพื่อน ได้ร่วมกันทำธุรกิจเช่ารถ มีการเปิดเพจเฟซบุ๊ก เพื่อให้ลูกค้าที่สนใจมาเช่ารถไปใช้ ภายหลัง น.ส.ดาว ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้าโทรศัพท์มาบอกว่ารถที่เช่าไป (เป็นรถของภรรยา ด.ต.ภูวเรศ มีชื่อครอบครองถูกต้อง) กำลังจะโดนกลุ่มคนมายึดเอาไป จึงประสานให้ ด.ต.ภูวเรศ ที่ยังไม่ได้เข้าเวรเดินทางไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งยังมีการประสานประสานงานให้ตำรวจป้อมบางกุ้ง เข้าไปช่วยเหลือดูแลเหตุด้วย เนื่องจากเกรงว่ารถยนต์ที่ให้เช่าจะสูญหาย ทั้งนี้ยืนยันว่า ตนและ ด.ต.ภูวเรศ ไม่ได้รู้จึก น.ส.ดาว เป็นการส่วนตัว ดังนั้นข้อความใดที่นำไปใช้กล่าวอ้าง จนทำให้ฝ่ายตนเกิดความเสียหาย ก็จะนำไปใช้เป็นหลักฐานแจ้งความดำเนินกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนต่อไป

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกำชับให้ดำเนินการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นให้ปรากฏชัดเจนต่อสังคมและให้ความเป็นธรรมในการตรวจสอบทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว.