นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในปี 65 กรมฯ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อยกระดับการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการร้านค้าส่งค้าปลีกรายย่อย ไปสู่การเป็น สมาร์ทโชห่วย โดยจะเข้าไปเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการผ่านการจัดสัมมนาแบบออนไลน์และออนไซต์ทั่วประเทศ เพื่อต้องการปรับภาพลักษณ์ร้านค้าให้ทันสมัย แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น รวมถึงนำระบบเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ 

ทั้งนี้ จะเน้นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเครือข่ายพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่น ที่พร้อมจะร่วมพัฒนาร้านค้าสมาชิกให้เติบโตไปด้วยกัน การเข้าไปช่วยผู้ผลิตสินค้าชุมชน และผู้ให้บริการเสริมเพื่อสร้างจุดแข็งและเพิ่มรายได้ให้ร้านค้าโชห่วย ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่จะช่วยลดต้นทุนในการสั่งซื้อ ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า รวมทั้งสถาบันการเงินที่จะมานำเสนอแหล่งเงินทุนให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการรายย่อย 

นายทศพล กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาขั้นพื้นฐานให้กับร้านโชห่วย กรมฯ ได้เริ่มจัดสัมมนาให้ความรู้ด้วยหลักสูตร “ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สร้างเครือข่าย สู่การเป็นสมาร์ทโชห่วย” กำหนดจัดขึ้นรวม 12 ครั้งใน 4 ภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งได้จัดสัมมนาครั้งแรกไปแล้วที่จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อเดือน มี.ค.65 ที่ผ่านมา และในเดือน เม.ย.65 จะจัดอีก 2 ครั้ง ที่กรุงเทพฯ และระยอง ต่อด้วยจังหวัดยโสธร นครสวรรค์ ลำพูน ในเดือน พ.ค.65 จังหวัดภูเก็ต นครราชสีมา ลำปาง อุดรธานี ในเดือน มิ.ย.65 สิ้นสุดที่จังหวัดตรัง และปราจีนบุรี ในเดือน ก.ค.65 โดยผู้สนใจ สามารถติดตามได้ที่ www.dbd.go.th   

ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกอยู่ประมาณ 400,000 ราย ในจำนวนนี้ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากกรมฯ และหน่วยงานพันธมิตร โดยผลักดันไปสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วยแล้ว 34,572 ราย แม้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด แต่ก็ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น ๆ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว หรือร้านอาหาร เนื่องจากเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันของประชาชนทุกครัวเรือน ทำให้ร้านโชห่วยมีการเติบโตต่อเนื่อง และขยายตลาดออกไปมากขึ้น