เมื่อวันที่ 1 ส.ค. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี นักธุรกิจปุ๋ยเคมีเกษตร ชาว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่เข้าร้องสื่อทำนองว่า โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ ด.ช.บี (นามสมมุติ) บุตรชายวัย 10 ขวบ ที่ชอบเล่นเกม ทำธุรกรรมทางการเงินจนสูญเงินไปกว่า 1.2 ล้านบาท

โดยผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า 1. ด.ช.บี นำโทรศัพท์ของพ่อไปใช้เล่นเกมออนไลน์เกมหนึ่ง แล้วมีการซื้อไอเทมในเกม ด้วยการการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) และ 2 ด.ช.บี ไปทำธุรกรรมทางด้านการสนับสนุนผู้ทำ Content ผ่านช่องทาง YouTube

การทำธุรกรรมแต่ละครั้ง เป็นการกระทำผ่านอุปกรณ์ 2 เครื่องด้วยกัน คือ 1.อุปกรณ์ Tablet ยี่ห้อ Lenovo รุ่น Tab MB 2.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO รุ่น A74 5G ซึ่งเป็นอุปกรณ์ของนายเอ ที่ได้มอบให้บุตรชายไว้ใช้งาน และจากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว และพบว่ามีการใช้งานกับกระเป๋า E-wallet และแอพพลิเคชั่น Mobile banking ซึ่งผูกบัญชีไว้ด้วยกัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ได้ตรวจสอบและอธิบายให้ทราบในรายละเอียดที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ นายเอ เข้าใจดีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงแต่อย่างใด แต่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของบุตรชาย ในการใช้บริการอินเทอร์เน็ตและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

ด้วยเหตุนี้ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ที่มีบุตรหลานเป็นเด็กและเยาวชน พึงให้ความใส่ใจและควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของบุตรหลาน อาทิ อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ หรือ Tablet ในการใช้งานเรียนออนไลน์ในช่วงที่เกิดสถานการณ์การเผยแพร่ระบาดของโรค Covid-19 เพื่อให้เป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือเกรงว่าจะเป็นความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ โปรดแจ้ง สายด่วน 1441 ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี.