ทำเอาสังคมไทยถึงกับตกใจ พร้อมกับให้ความสนใจเป็นอย่างมากอยู่ในขณะนี้ ภายหลังจากที่ตำรวจไซเบอร์ เปิดยุทธการ “ผึ้งแตกรัง” บุกค้นบ้านซีอีโอสาว “เม พรีมายา” หลังศาลออกหมายจับ กรณีอ้างลงทุนเพียง 6 พัน กำไร 15 ล้าน ในเวลา 3 เดือน ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น.. ทำให้นาทีนี้ ชื่อของ “เม พรีมายา” กลายมาเป็นที่สนใจของสังคมเป็นอย่างมาก
-บุกค้นบ้าน-บริษัทฯ ‘เม พรีมายา’ โดนหมายจับพ.ร.บ.คอมพ์-หลอกเหยื่อลงทุน

ชีวิตลูกชาวสวน
สำหรับ “เม พรีมายา” มีชื่อจริงว่า พิชญ์รี ตันติวิทย์ ชื่อเล่นคือ เม เกิดวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2537 เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เธอเปิดเผยว่า ในวัยเด็กครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย เรียนโรงเรียนวัด แถมบ้านยังอยู่ในที่ทุรกันดาร ไม่มีน้ำประปาใช้ ถนนก็เป็นดินลูกรัง โดยทางบ้านของเธอเปิดร้านขายของชำและทำสวนยางพารา ด้วยความที่เป็นคนหนักเอาเบาสู้ และมีความทะเยอทะยาน เมจึงตั้งเป้าหมายว่าจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองให้ได้

โดย “เม” ได้เคยให้สัมภาษณ์ถึงเส้นทางชีวิตของเธอกับทาง Hello Magazine เอาไว้ว่า “เมเกิดและเติบโตที่นครศรีธรรมราช เรียนโรงเรียนวัดที่มีเด็กแค่ 100 คน ที่บ้านเปิดร้านขายของชำและทำสวนยางพารา น้ำประปาไม่มีใช้ ถนนเป็นดินลูกรัง ภาพความเจริญเดียวในชีวิต คือ เทสโก้โลตัส ต้องตื่นตีสามเพื่อช่วยแม่ปิ้งข้าวเหนียว และไปโรงเรียนสายมาก เพราะช่วยขายของจนนาทีสุดท้าย ช่วงที่พ่อขับรถเร่ขายกับข้าว แม่กับเมนั่งขายอยู่ท้ายกระบะ ทุกเย็นเราจะมานั่งนับแบงก์ยี่สิบ แบงก์ร้อยกัน เมเลยไม่อายทำกิน แต่ก็ใฝ่ฝันที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองอยู่เสมอ”

ส่วนชีวิตรัก “เม พรีมายา” และสามี คือ แซก-สิทธานต์ สรรเสริญ คบหาดูใจกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รวมแล้วนานถึง 15 ปี โดยเคยเข้าพิธีสมรสกัน ก่อนที่จะมีปัญหาทำให้ต้องแยกทาง แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็กลับมาคืนดีและจัดพิธีแต่งงานเล็ก ๆ กันอีกรอบ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564 โดยเธอและสามีตั้งใจจะมีลูกทันที ทว่าโครโมโซมของเธอและสามีบกพร่อง ทำให้การตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้น เด็กไม่สามารถเป็นตัวอ่อนที่สมบูรณ์ จึงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อย่างที่หวัง

ก้าวขึ้นเป็นนักธุรกิจ
ในช่วงเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 เมเริ่มธุรกิจแรกด้วยการขายน้ำอะโวคาโด จากนั้นก็เริ่มทำสบู่แบรนด์ของตัวเอง พร้อมทั้งดูแลตัวเองให้ดูดี ความที่เธอเป็นทั้งดาวโรงเรียนและเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ทำให้มีฐานผู้ติดตามอยู่แล้ว ส่งผลให้สามารถสร้างรายได้จากการไลฟ์ขายของได้ประมาณ 30,000-40,000 บาท ต่อมาเมจึงสร้างแบรนด์ MAYA ขึ้นมา ผลิตลิปสติกและมาสคาร่า โดยดีลกับบริษัทในประเทศจีนด้วยตัวเอง สร้างรายได้หลักแสนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ต่อมาเธอจึงยุติการทำแบรนด์เครื่องสำอาง และลุยตลาดอาหารเสริม กลายเป็นแบรนด์ PRIMAYA ในปัจจุบัน

จนเมื่อปี 2560 เธอได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัท พรีมา มายา จำกัด ซึ่งมีผู้ก่อตั้งหลัก คือ เม พิชญ์นรี ตันติวิทย์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ผลิตสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ PRIMAYA และสามีอย่าง แซก-สิทธานต์ สรรเสริญ เป็นผู้ดูแลในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO–Chief Operating Officer) นอกจากนี้เธอยังมีกิจการโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งความงาม คลินิกเสริมความงาม หอพัก ร้านทำเล็บ ต่อขนตา และบราซิลิโคน รวมถึงยังรับผลิตแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมความงามอีกด้วย

และจากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท พรีม่า มายา จำกัด อยู่ภายใต้การบริหารงานของ เม พรีมายา และ แซก สิทธานต์ ดำเนินธุรกิจประเภท จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ขายปลีกเครื่องสำอาง โดยผลิตสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ พรีมายา (PRIMAYA) ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดย ได้ทำการจดทะเบียนก่อตั้งธุรกิจ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560 ทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 1 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

ปี 2560 รายได้ 748,021.00 บาท กำไร 610.72 บาท
ปี 2561 รายได้ 1,920,822.47 บาท กำไร 450,683.04 บาท
ปี 2562 รายได้ 8,649,550.78 บาท กำไร 472,200.38 บาท
ปี 2563 รายได้ 21,962,998.24 บาท กำไร 1,343,321.39 บาท
ปี 2564 รายได้ 33,632,860.48 บาท กำไร 8,041,136.68 บาท

ดราม่า 3 เดือน 15 ล้านบาท!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีภาพไวรัลสาวลงทุน 6,000 บาท ทำงาน 3 เดือน ได้เงิน 15 ล้านบาท เอาไปถอยปอร์เช่ 911 ราคาหลักสิบล้าน ซึ่งต่อมามีชาวเน็ตได้ตั้งข้อสงสัย พร้อมสอบถามไปทางศูนย์รถที่สาวคนนี้ไปถ่ายรูปว่า “เขาไปซื้อรถที่ร้านคุณเปล่าครับ เพราะเห็นโลโก้ร้าน” พร้อมกับแนบรูปหญิงคนดังกล่าวไปด้วย ซึ่งทางศูนย์รถก็ตอบมาว่า “ถ้าเป็นรถคันนี้ ยังไม่ได้ขายครับ”

ต่อมา บริษัท พรีม่า มายา จำกัด ได้ออกมาระบุถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า กระแสข่าวนั้นมีถ้อยคำที่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้รับข่าวสารสื่อออนไลน์เกิดความเข้าใจผิดว่า “พรีมายา” หรือตัวแทนฝ่ายขายและผู้เกี่ยวข้อง ในทำนองว่าประกอบธุรกิจที่หลอกลวงประชาชนผู้บริโภค ซึ่งทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินคดี ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลบข้อความหรือโพสต์ดังกล่าวโดยทันที

ส่วนทางด้าน “เม พรีมายา” เธอก็ได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า “3 เดือน ยอดขาย 15 ล้าน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่การได้มานั้น ต้องแลกด้วยการขยัน อดทนและทำงานอย่างหนักในทุกวัน”

และชื่อของ “เม พรีมายา” กลับมาได้รับความสนใจจากสังคมไทยอีกครั้ง หลังถูกตำรวจไซเบอร์บุกเข้าค้นบ้าน หลังถูกศาลออกหมายจับอ้างลวงคนลงทุน ส่วนเส้นทางชีวิตของเธอหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร.. เราคงต้องติดตามกันต่อไป..

ขอบคุณข้อมูลจาก @Hello Magazine