จากกรณีที่นายพงษ์ชัย ตั้งฤดี อายุ 46 ปี ชาว จ.ขอนแก่นใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงตัวตายเองเสียชีวิตภายในอาคารเก็บอัฐิ ในบริเวณพระบรมมหาธาตุ 9 ชั้น วัดหนองแวงพระอารามหลวง เขตเทศบาลนครขอนแก่น สาเหตุมาจากนายพงษ์ชัย เกิดความเครียด ที่ภรรยาได้เสียชีวิตไปได้ 6 เดือน จนทำให้เกิดโรคซึมเศร้า ก่อนใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงตัวเองเสียชีวิตพร้อมทิ้งจดหมายระบายความในใจไว้ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
หนุ่มยิงขมับตัวเองดับห้องเก็บอัฐิภรรยา ทิ้ง จ.ม.ลา ‘หยุดคิดถึงรักแรกในชีวิตไม่ได้’
ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 11 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ฌาปนสถานวัดหนองแวงพระอารามหลวงคนในครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้เตรียมจัดพิธีทางศาสนาตามขั้นตอน โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดต่อขอรับศพจากภาควิชานิติวิทยา รพ.ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
นางปราณี เวียรวิจักษ์ อายุ 65 ปี แม่ยายของนายพงษ์ชัย กล่าวว่า ผู้ตายได้คบหากับลูกสาวกันตั้งแต่ลูกสาวเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จากนั้นก็ได้เรียนด้วยกันจนขบมหาวิทยาลัย เมื่อเรียนจบก็ได้มาทำธุรกิจด้วยกัน จนกระทั่งลูกสาวของได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา
“ตลอดเวลาที่ทั้ง 2 คน คบหากันก็รักกันดีเป็นห่วงเป็นใยกันดูแลกันดีมาก จนกระทั่งลูกสาวป่วย นายพงษ์ชัยเป็นคนที่ดูแลใส่ใจลูกสาวดีมาก เสมอต้นเสมอปลายที่สุด ทั้งนี้ก่อนที่จะเกิดเหตุสลดเกิดขึ้นผู้ตายได้มาทานข้าวกับตนเองที่บ้าน และก็ได้สอบถามว่าพรุ่งนี้จะมาทานข้าวที่บ้านด้วยมั้ย จะทำหมูทอดกระเทียมให้รับประทาน และไม่คิดว่าลูกเขยจะมาก่อเหตุไม่คาดฝันขึ้น จึงอยากจะฝากบอกทั้ง 2 คนว่า ให้ทั้ง 2 คน ได้ไปครองรักกันบนสวรรค์” นางปราณี กล่าว
ขณะที่พระครูสุตสารวิสุทธิ์ พระลูกวัด วัดหนองแวงพระอารามหลวง กล่าวว่า วัดจะต้องมีมาตรการดูแลความปลอดภัยภายในวัดให้มากขึ้น โดยได้จัดเวรยามไปตรวจตราเป็นประจำในทุกคืน เบื้องต้นจะให้พระและเณรเข้าเวรยามครั้งละ 2-3 รูป ส่วนบริเวณพระมหาธาตุ 9 ชั้น จะมีการล็อคประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันมิจฉาชีพรวมทั้งผู้ที่ไม่คิดดีที่จะเข้ามาภายในพื้นที่ พระมหาธาตุ 9 ชั้น
“ส่วนซุ้มอัฐิหรือพระธาตุน้อยทั้ง 4 แห่ง จะได้มีการนำกุญแจมาล็อคประตู แม้ที่ผ่านมาวัดจะมีกล่องแดงให้ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เข้ามาตรวจเป็นประจำ แต่เนื่องจากวัดมีรั้วที่ไม่สูงมาก จะมีคนไร้บ้านเข้ามาอาศัยเป็นประจำ ซึ่งวัดก็ได้มีมาตรการ ผลักดันบุคคลดังกล่าวออกจากวัดไปเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของพระภิกษุสงฆ์และเณรของวัดอีกด้วย” พระครูสุตสารวิสุทธิ์ กล่าว
