บรรยากาศการเมืองไทยยุคปัจจุบันเกิดเหตุการณ์พัลวันชวนให้งุนงง จนใครๆ ก็บอกว่าเป็น “การเมืองยุค 3 ก๊ก”ทั้งก๊กสีแดงอย่างพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาลผสมสูตรพิสดารที่ยังครองอำนาจไว้ได้ แม้ต้องประสบเหตุสะเทือนใหญ่ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจาก “เศรษฐา ทวีสิน” มาถึง “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ถัดมาที่ ก๊กสีน้ำเงิน โดยพรรคภูมิใจไทยที่เป็นสมาชิกร่วมรัฐนาวาอยู่แท้ๆ และ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ มักโชว์ลีลาหน้าฉากเป็น “หนูหวานเจี๊ยบ” แต่เดินเกมเสริมกำลังให้ตัวเองแบบเงียบๆ จนแทบกินเรียบยึดครองวุฒิสภาได้ฉายา “สภาสีน้ำเงิน” เพิ่มพลังต่อรองทวีคูณ หนุนให้เล่นเกมกระตุกขาพรรคแกนนำรัฐบาลได้บ่อยครั้ง

อย่างเช่น เกมการเมืองสภาสีน้ำเงินที่นำไปสู่เรื่องคาราคาซังในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่….) พ.ศ. … จนทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังติดหล่ม

แม้แต่การตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่พรรคเพื่อไทยใฝ่ฝันเร่งผลักดันให้สำเร็จ หวังช่วยให้ครองใจฐานเสียง “คนเสื้อแดง” แต่ก็โดนดับฝันด้วยพรรคสีน้ำเงินที่จับมืออีกหลายพรรคประกาศปกป้องสถาบันหลักของชาติ และแสดงพลังคัดค้านรายงานศึกษาการออกกฎหมายดังกล่าว ทำเอาค่ายสีแดงกุมขยับกันถ้วนหน้า ตั้งแต่นายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร” ไปถึงบรรดาแกนนำพรรค ต้องยอมพับเก็บเข้าลิ้นชัก เพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองและประคองรัฐบาลให้อยู่ครบเทอม

ล้วนซ้ำเติมในคำปรามาสค่ายสีแดงว่า “รัฐบาลแพทองธาร” พรรคไหนกันแน่ที่เป็นแกนนำรัฐบาลตัวจริง ??

ล่าสุดโดนตอกย้ำอีกครั้ง จากกรณีที่ “ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ต้องยอมถอยกรูด หลังจากเสนอร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่…) พ.ศ. … ที่ชงเนื้อหาเข้มข้น ทั้งการยึดอำนาจจากสภากลาโหม การให้คณะรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งนายพล ที่สำคัญห้ามทหารก่อการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล เกิดเป็นประเด็นร้อนเรียกแขกรอบด้าน มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงคัดค้าน

แต่ดูเหมือนแรงต้านที่เสียงดังกว่าใคร มาจากก๊กสีน้ำเงินเจ้าเก่า โดย “หัวหน้าอนุทิน” เป็นต้นเสียงประกาศไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ และนักการเมืองไม่ควรก้าวก่ายแทรกแซงกองทัพ ทำให้“ภูมิใจไทย” ถูกมองว่ายังใช้ยุทธวิธีกระตุกขา “เพื่อไทย-ทักษิณ” และพยายามแสดงบทบาทหวังได้แต้มได้ใจ ให้ได้เป็นผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยม ความเคลื่อนไหวในยามนี้จึงเกิดภาพการเมือง 2 เส้า

ขณะที่ ก๊กสีส้มโดดเด่นด้วยจุดยืนเดิมตั้งแต่ยุคอดีตพรรคอนาคตใหม่ ตามด้วยอดีตพรรคก้าวไกล จนมาสู่การเกิดใหม่เป็นพรรคประชาชน ที่นำโดย “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” พร้อมยังคงเครือข่ายนอกสภาเป็นกองหนุน มุ่งหน้าผลักดันสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พลิกโฉมหลายสิ่งอย่างในบ้านเมือง

 สิ่งเหล่านี้ล้วนบ่งชี้สะกิดใจว่า “การเมือง 3 เส้า” ที่ว่านั้น แท้จริงแล้วคงเป็น “การเมือง 3 เศร้า” เพราะไม่ว่าจะเส้าไหน ฝ่ายใด ก็เดินเกมเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ส่วนประชาชนก็เศร้าต่อไป เพราะยังเป็นตัวประกันของนักการเมือง