สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ทั้ง 630 ที่นั่งของเยอรมนี ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า พรรคประชาธิปไตยคริสเตียนแห่งเยอรมนี (ซีดียู) ของนายฟรีดริช เมิร์ซ ได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด 28.5% คิดเป็น 208 ที่นั่ง
ตามด้วยพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (เอเอฟดี) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยสัดส่วน 20.5% คิดเป็น 150 ที่นั่ง ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมากถึง 10% จากการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว พรรคสังคมประชาธิปไตย (เอสพีดี) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้รับการเลือกตั้ง 16.4% เท่ากับ 121 ที่นั่ง ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับพรรคเอสพีดี พรรคกรีนส์ 11.9% หรือ 86 ที่นั่ง และพรรคฝ่ายซ้าย 8.6% คิดเป็น 64 ที่นั่ง
อนึ่ง การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งก่อนกำหนด เป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของเยอรมนี นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2515, 2526 และ 2548 โดยเดิมทีเยอรมนีกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปไว้ในวันที่ 28 ก.ย. 2568 แต่ด้วยวิกฤติการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลผสมชุดปัจจุบัน ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ตัดสินใจยุบสภา เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลของเยอรมนีใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากแทบไม่ค่อยมีพรรคใดได้รับเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดในสภา ซึ่งเมิร์ซกล่าวว่า จะพยายามดำเนินการให้เสร็จภายในช่วงอีสเตอร์ คือกลางเดือน เม.ย. นี้
ท่ามกลางการจับตาจากทุกฝ่าย ว่าพรรคซีดียูจะทำอย่างไรกับพรรคเอเอฟดี แม้เมิร์ซกล่าวว่า ต้องการร่วมมือกับอีกฝ่าย เพื่อจัดการเรื่องผู้อพยพ หลังเยอรมนีเผชิญกับเหตุก่อการร้ายและเหตุรุนแรงหลายระลอกในช่วงใกล้เลือกตั้ง ที่คนร้ายเป็นผู้อพยพทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย
นอกจากสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองภายในประเทศแล้ว สถานการณ์ในต่างประเทศเป็นเรื่องที่เยอรมนีให้ความสำคัญมาก ในฐานะประเทศที่เป็นเสาหลักของยุโรปแทบทุกด้าน และจะเป็นหนึ่งในประเทศแถวหน้าในการเผชิญหน้ากับรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทว่าเมื่อผู้สื่อข่าวถามผู้นำสหรัฐเกี่ยวกับการเลือกตั้งในเยอรมนี ทรัมป์ตอบเพียงว่า “ขอให้เยอรมนีโชคดี เพราะสหรัฐเองก็มีปัญหาภายในมากพออยู่แล้ว”.
เครดิตภาพ : AFP
