เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เลื่อนการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ออกไป เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า ตนได้ติดตามจากข่าวเท่านั้น เพราะไม่ได้เป็นคณะกรรมการ แต่มีปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหนี่งในกรรมการและมาเล่าให้ตนฟัง ว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายให้เคร่งครัด เพื่อขจัดปัญหาต่างๆ ในภายภาคหน้า ซึ่งทั้งหมด ก็แล้วแต่การพิจารณาของคณะกรรมการฯ เพราะทุกคนมีเอกสิทธิ์ในการใช้ดุลพินิจที่จะตัดสินใจ
เมื่อถามต่อว่ามีรายงานว่านายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นว่า ดีเอสไอ ไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอนุทิน กล่าวว่า หากเป็นตนในฐานะรัฐมนตรี เวลาจะตัดสินใจอะไรในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องฟังเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นหลักไว้ก่อน แต่ไม่ได้มีกฎว่าหากเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาพูดอะไรจะต้องปฏิบัติตาม หรือต้องเชื่อ เพราะอยู่ที่ดุลพินิจ แต่น้ำหนักของความเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า “ที่ปรึกษากฎหมายแห่งรัฐ” คงต้องทิ้งน้ำหนักไว้ตรงนั้นเยอะ อย่างเวลาตนต้องการตัดสินใจอะไรในการประชุม ครม. ถ้าจะต้องมีการตัดสินใจเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย คำแรกที่ทุกคนจะถามคือกฤษฎีกาว่าอย่างไร ก่อนย้ำว่าก็มีน้ำหนัก กฎหมายเป็นกฎหมายฉบับเดียวกันทั้งหมด แต่การตีความอาจไม่เหมือนกัน จึงขึ้นอยู่กับว่าใครจะให้น้ำหนักไปที่ตรงไหนมากกว่า แต่หากเป็นตน จะให้น้ำหนักกฤษฎีกา.