เมื่อวันที่ 22 มี.ค. นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯกทม. และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรม “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน ปี 2568 (60+ Earth Hour 2025) ซึ่งกทม. โดยสำนักสิ่งแวดล้อม สำนักและสำนักงานเขต ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชน รณรงค์และเชิญชวนผู้ประกอบการ ร้านค้า ประชาชน ลดการใช้พลังงานและปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา รวมถึงการถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในอาคารบ้านเรือน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกับเมืองต่าง ๆ กว่า 7,000 เมือง 190 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่เวลา 20.30 – 21.30 น.
ในปีนี้ 5 Landmark ของกทม. ได้แก่ 1.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวัง 2.วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร 3.เสาชิงช้า 4.สะพานพระราม 8 และ 5.ภูเขาทอง (วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร) ได้ร่วมปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ด้วย
ผลการคำนวณปริมาณการใช้ไฟฟ้าช่วงเวลาดังกล่าวในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยการไฟฟ้านครหลวง พบว่าสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 134 เมกะวัตต์ เมื่อเทียบกับการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่กทม.ในวันที่ 15 มี.ค.68 ในช่วงเวลาเดียวกัน สามารถลดค่าไฟฟ้าลงได้ 621,746 บาท ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 58.6 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เทียบได้กับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ 5,860 ต้น ใน 1 ปี (ไม้ยืนต้น 1 ต้น สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 10 กิโลกรัมต่อปี)
เทียบกับเที่ยวบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จำนวน 485 เที่ยวบิน หรือการใช้รถยนต์ดีเซลเป็นระยะทาง 351,600 กิโลเมตร หรือเทียบกับการปิดไฟครัวเรือน 263,700 ครัวเรือน.
