กรณีคนร้าย แต่งกายมิดชิด สวมหมวกไอ้โม่ง ควงปืนบุกเดี่ยว ชิงทองร้านทองกีรติ (แม่ทองพูน) ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น อย่างอุกอาจโดยยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ให้ลูกค้า และพนักงานแตกกระเจิงคนละทางก่อนกระโดดข้ามเคาน์เตอร์กวาดเอาทองรูปพรรณน้ำหนักรวมกว่า 20 บาท หลบหนีไป เหตุเกิดพื้นที่ สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
วงจรปิดจับภาพชัดโจรควงปืนบุกเดี่ยว ชิงทองร้านดังห้างเซ็นทรัลขอนแก่น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ สภ.เมืองขอนแก่น พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภ.4 ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ขอนแก่น ประชุมความคืบหน้าคดี และร่วมสอบปากคำผู้ต้องสงสัย หลังควบคุมตัวได้ในตลาดโต้รุ่งร่วมจิตร ถนนสันติยุติธรรม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ช่วง 5 ทุ่ม คืนวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บหลักฐานดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัย และรองเท้าที่มีลักษณะคล้ายกับที่คนร้ายใส่ก่อเหตุไปตรวจสอบ ซึ่งยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นคนคนเดียวกันหรือไม่อยู่ระหว่างสอบสวน
พ.ต.อ.ปรีชา เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดี โดยหลังเกิดเหตุได้ระดมตำรวจชุดสืบสวนปูพรมออกค้นหาตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายคาดว่าจะหลบหนี กระทั่งพบตัวชายต้องสงสัย 1 ราย จึงควบคุมตัวมาสอบสวน ที่ สภ.เมืองขอนแก่น ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องสงสัย พบเคยมีประวัติก่อเหตุชิงทรัพย์และเสพยาเสพติดมาก่อน ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการสอบปากคำ ส่วนของคดีได้เก็บพยานหลักฐานคือ ปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. 1 นัด กระเป๋าที่คนร้ายนำมาก่อเหตุ 2 ใบ ให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 4 นำไปตรวจสอบและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไว้แล้วและจะนำมาเทียบกับดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยอย่างละเอียดอีกครั้ง
พ.ต.อ.ปรีชา เผยอีกว่า ถึงแม้จะควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้แล้วแต่ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออก ทั้งอดีตพนักงานห้างฯ คนงานที่เคยเข้ามาก่อสร้าง ซึ่งพอรู้เบาะแสคนร้ายแล้วอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ แต่อย่างไรก็ตามได้มีการตั้งรางวัลนำจับเป็นเงิน 5 หมื่นบาทไว้ก่อน ส่วนผู้ต้องสงสัย อยู่ระหว่างรอผลเปรียบเทียบหลักฐานดีเอ็นเอว่าเป็นบุคคลที่ก่อเหตุหรือไม่ ส่วนทองที่คนร้ายได้ไปตรวจสอบล่าสุดพบว่าเป็นทองรูปพรรณเส้นละ 3 บาท รวม 11 เส้น มูลค่าเกือบ 1 ล้านบาท
