เมื่อวันที่ 30 ก.ค. จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก “Survive – สายไหมต้องรอด” ได้โพสต์ข้อความ นายกิตติ อายุ 68 ปี ร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลคุมวินรถแท็กซี่ รุมทำร้ายร่างกายจนสลบ ขณะเข้าไปจอดรอรับผู้โดยสาร สถานีรถไฟฟ้า BTS คูคต จ.ปทุมธานี โดยระบุว่า “วันนั้นเวลาประมาณ 21.00 น. ฝนกำลังตก ขณะขับรถผ่านเส้นลำลูกกากำลังจะกลับเข้าบ้าน เห็นผู้โดยสารยืนตากฝนอยู่หลายคน แต่มีรถแท็กซี่อยู่แค่คันเดียว จึงจอดแวะรับผู้โดยสาร แต่ผู้โดยสารยังไม่ทันเดินมาขึ้นรถ จู่ๆ มีชายฉกรรจ์ 2-3 คน เดินมาเคาะกระจกรถ จึงลดกระจกลง ชายฉกรรจ์พูดกับลุงว่า “กูให้มึงเที่ยวเดียวนะ แล้วอย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก” สิ้นเสียงจึงถามว่า..”ทำไมครับ ทำไมผมถึงรับผู้โดยสารไม่ได้” พอสิ้นเสียง 1 ในกลุ่มชายฉกรรจ์ ก็สาวหมัดใส่หน้าทันทีหลายครั้ง

จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ได้มาเปิดประตูรถลากลงมากระทืบจนสลบกลางถนน หลังตื่นขึ้นมาจึงได้ประคองตัวเองขับรถเข้าไปแจ้งความและไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ตอนนี้ผ่านไป 1 สัปดาห์แล้ว คดียังไม่มีความคืบหน้า เกรงว่าหากยังจับคนร้ายไม่ได้ ชีวิตอาจจะไม่ปลอดภัย จึงติดต่อขอความช่วยเหลือมายัง “เพจสายไหมต้องรอด” เบื้องต้นพี่เอก ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.ธนกฤต บุญเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี เพื่อขอให้ท่านช่วยเร่งติดตามความคืบหน้าของคดีแล้ว พร้อมนัดผู้เสียหายมาพบวันพรุ่งนี้ เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์ประสานงานเพจสายไหมต้องรอด

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณถนนลำลูกกา บริเวณสะพานลอยสถานีรถไฟฟ้า BTS ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบว่าทั้งสองฝั่งซึ่งเป็นจุดจอดรถสาธารณะ และมีรถแท็กซี่สาธารณะจอดให้บริการอยู่ โดยมีประชาชนใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

ด้านผู้ขับขี่แท็กซี่รายหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณถนนลำลูกกา ฝั่งมุ่งหน้าขาออก เปิดเผยว่า ทราบว่าผู้ขับขี่มีเรื่องทางสื่อสังคมออนไลน์ แต่ไม่ใช่จุดนี้ แต่จุดนี้ซึ่งจะมีรถแท็กซี่มาจอดกัน เพื่อรอรับผู้โดยสารและไม่ได้เป็นวิน ซึ่งใครก็สามารถมาจอดได้ แต่ต้องต่อคิวผู้ขับขี่ที่มารออยู่ก่อนหน้า และให้เกียรติซึ่งกันและกัน.