สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า ผู้สนับสนุนกลุ่มใหม่ที่เป็นชาวมุสลิม ต่างเฉลิมฉลองกับชัยชนะของทรัมป์ และมั่นใจว่าเขาจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ได้สำเร็จ แม้อิสราเอลยังคงปิดล้อมฉนวนกาซาเป็นเวลานาน 13 เดือน และโจมตีเลบานอนอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันก็ตาม
ผลการเลือกตั้งเบื้องต้นในเมืองเดียร์บอร์น ซึ่งเป็นชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ แสดงให้เห็นว่า ทรัมป์มีคะแนนเป็นอันดับที่หนึ่ง นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2563 ซึ่งในเวลานั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระ ได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย
“ประชาชนได้รับข้อความว่า ทรัมป์พยายามนำสันติภาพมาสู่ตะวันออกกลางและทั่วโลก” นายบิล แบซซี นักการเมืองชาวอเมริกันเชื้อสายเลบานอน และนายกเทศมนตรีเมืองเดียร์บอร์น ไฮต์ส ที่อยู่ใกล้เคียง กล่าว
“They want peace…They don't want to be in wars. They're very smart.”
— Al Jazeera English (@AJEnglish) November 5, 2024
At one of his final campaign rallies before Election Day, US Republican candidate Donald Trump praised his Muslim supporters, saying they could help him win the battleground state of Michigan. pic.twitter.com/WgufbkYAiM
สำหรับชาวเมืองหลายคน พวกเขายังคงจำสิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่างปี 2560-2564 ได้ ซึ่งในช่วงเวลานั้น พรรครีพับลิกันออกคำสั่งห้ามการเดินทางต่อหลายประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม รวมถึงสนับสนุนการตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ ทั้งที่เป็นสิ่งผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิสราเอล จากกรุงเทลอาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเลม
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้เผยให้เห็นว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับจำนวนมาก โกรธเคืองที่รัฐบาลของไบเดน และนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ และตัวแทนของพรรคเดโมแครต ให้การสนับสนุนทางการทหารและการทูตแก่อิสราเอลอย่างไม่ลดละ จนทำให้พลเรือนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
เครดิตภาพ : AFP