เมื่อวันที่ 22 พ.ย. นายโกมินทร์ วนาดอน อายุ 45 ปี พนักงานส่งของตลาดกิตติ ย่านบางแค ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว เกรงว่าตนเองจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและกลัวว่าเรื่องจะเงียบหลังถูก นายอุ้ม อายุ 40 ปี พร้อมพวกใช้อาวุธปืนยิงจนได้รับบาดเจ็บเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา

นายโกมินทร์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองกับนายอุ้มมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องที่จอดรถจักรยานยนต์ที่ตลาดเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 20 พ.ย. ก่อนจะมีวินรถจักรยานยนต์ละแวกใกล้เคียงมาห้ามปรามจนเลิกราแยกย้ายกันไป โดยนายอุ้ม พูดทิ้งท้ายว่า พี่วินขอได้เฉพาะวันนี้เท่านั้นนะ กระทั่งเมื่อคืนนี้ นายอุ้มได้ขี่รถจักรยานยนต์มาเจอกับตนที่ตลาดกิตติอีกครั้ง ตนพยายามจะพูดคุย แต่ระหว่างนั้นนายเอส ซึ่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อนอีกคันมาที่เกิดเหตุ และได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงถึง 3 นัด ทำให้ตนถูกยิงที่นิ้วก้อยเท้าซ้ายกระดูกแตก และนายเอสยังได้นำปืนมาตบที่หูซ้ายตนจนต้องเย็บถึง 3 เข็ม พร้อมทั้งประกาศว่า “กูเอสบางแคไม่กลัวใคร ตำรวจก็เคยมีเรื่องมาแล้ว” จากนั้นทั้ง 3 คน ได้ขี่รถหลบหนีไป

นายโกมินทร์ เปิดเผยต่อว่า การกระทำดังกล่าวทำให้ตนเองหวาดกลัวเพราะยังต้องทำมาหากินที่ตลาด อีกทั้งลูกก็ยังอายุน้อย จึงรู้สึกไม่มีความปลอดภัยในชีวิตเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามตนได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.เพชรเกษม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่ผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีนั้น ได้มีชายลักษณะคล้ายคนในเครื่องแบบพยายามเข้ามาเจรจาขอไกล่เกลี่ยและเยียวยาด้วยเงิน แต่ส่วนทางคดีก็ให้ดำเนินการไปกฎหมาย

จากการตรวจสอบทราบว่า นายเอส ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นลูกชายอดีตนายตำรวจย่านฝั่งธนบุรี ก่อนหน้านี้เคยไปก่อเหตุยิงผู้อื่นลักษณะคล้ายกันแบบนี้มาแล้ว โดยเฉพาะพฤติกรรมเวลามึนเมามักมีนิสัยเกเรไม่กลัวใคร แต่หลังก่อเหตุก็จะมีการเจรจาเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี ซึ่งคาดว่าหลังก่อเหตุนายเอสน่าจะหลบหนีไปอยู่ที่ จ.เพชรบุรี แล้ว

ด้าน พ.ต.อ.วิสิษฐ์ วัฒนพงษ์พิทักษ์ ผกก.สน.เพชรเกษม กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุตามกฎหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากคดีดังกล่าวไม่สามารถที่จะยอมความกันได้ เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจนโดยเฉพาะกล้องวงจรปิดว่าเป็นคดีอุกอาจ ส่วนข่าวที่บอกว่ามีการเคลียร์กับผู้เสียหายเพื่อให้เรื่องยุติดังกล่าว ตนเองยังไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่จะขอทำคดีหลักให้เรียบร้อยก่อน