ตามที่ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการ “ล้างบาปปราบอลัชชี” ทุจริตเงินทอนวัดเฟส 4 จับ พระสิทธิวรนายก หรือ “เจ้าคุณแจ๊ค” รองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก พร้อมเรียก 11 เจ้าอาวาส สอบเข้ม เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (18 ก.พ.) นั้น

คืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สภ.เมืองนครนายก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิทักษ์ วาฤทธิ์ ผกก.2 บก.ปปป. นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และตัวแทนเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ล้างบาปปราบอลัชชี ทุจริตเงินทอนวัด” ซึ่งภาพรวมของการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดโฉนดที่ดิน จำนวน 3 แปลง มูลค่ารวม 21 ล้านบาท เหล้า 3 ขวด ถุงยางอนามัย 1 ชิ้น ปืนบีบีกัน 1 กระบอก

เขย่าวงการผ้าเหลือง จับ “เจ้าคุณแจ๊ค” นิมนต์ 11 เจ้าอาวาส สอบปมทุจริตเงินทอนวัด

พ.ต.อ.พิทักษ์ กล่าวว่า จากแนวทางสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวพบว่า นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ให้ พระสิทธิวรนายก หรือ เจ้าคุณแจ๊ค เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน ที่สนิทสนมกันนั้น รวบรวมรายชื่อวัดที่จะรับเงินบูรณะซ่อมแซมจากทางสำนักพุทธศาสนา จำนวน 12 วัด ในงบประมาณ 123 ล้านบาท เมื่อได้รับการอนุมัติ พระสิทธิวรนายก ก็จะทำการเจรจากับเจ้าอาวาสวัดที่ได้รับเงินอุดหนุน ให้ถอนเงินสดออกมาทั้งหมดแล้วนำกลับมาคืน แล้วแบ่งเงินเพียงบางส่วนทอนให้วัดต่างๆ คืนไป ส่วนเงินที่เหลือ จำนวนประมาณ 110 ล้านบาท ก็จะนำไปแบ่งกับนายนพรัตน์ ก่อนจะยักย้ายถ่ายเทแปลงเงินสดเป็นทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่น เช่น ที่ดิน ซึ่งที่ดินส่วนใหญ่ที่ซื้อนั้นจะถูกซื้อในชื่อของนางพัทธานันท์ เบญจวัฒนานันท์ ภรรยาของนายนพรัตน์ และ น.ส.ณัฏฐาภรณ์ ทุน บุตรสาวของ นางพัทธานันท์ โดยมี พระสิทธิวรนายก เป็นผู้ดำเนินการจัดการให้ทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้ทางพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับนางพัทธานันท์ และ น.ส.ณัฏฐาภรณ์ ตามมา พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน ที่ดินต่างๆ

“ส่วนเจ้าอาวาสวัดต่างๆที่เหลืออีก 11 วัด ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาในวันนี้ก็เพื่อสอบปากคำในฐานะพยาน มีเพียงพระสิทธิวรนายก ที่ถูกแจ้งข้อหา ตามความผิดในมาตรา 147, 157 และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน” พ.ต.อ.พิทักษ์ กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จากการสอบสวน พระสิทธิวรนายก เบื้องต้นให้การค่อนข้างเป็นประโยชน์ โดยรับว่าสนิทสนมกับนายนพรัตน์ จริง และเป็นผู้ดำเนินการประสานวัดต่างๆ รับมอบเงินอุดหนุน แล้วเจรจาเอาเงินกลับคืน ก่อนจะนำไปซื้อที่ดิน ส่วนเงิน 110 ล้านบาท อ้างจำไม่ได้ว่า แบ่งให้นายนพรัตน์ไปเท่าไหร่ แล้วเอาไปทำอะไรบ้าง และไม่คิดว่าการนำไปซื้อที่ดินจะถือเป็นความผิด แต่ยอมรับว่าเป็นคนดำเนินการยักย้ายถ่ายเท จ่ายเงินเองจริง ส่วนเหล้า ถุงยางอนามัย และปืนบีบีกัน ที่ค้นเจอในกุฏิของพระสิทธิวรนายก นั้น จากการสอบถามอ้างว่าไม่ใช่ของตนเอง แต่เป็นของลูกศิษย์ในวัดนำมาเก็บไว้

ด้าน นายศรชัย กล่าวว่า สำหรับคดีทุจริตเงินทอนวัดที่ทาง ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบมานั้นมีทั้งหมด 108 คดี ชี้มูลความผิดแล้ว 42 คดี ส่วนที่เหลือส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อ สำหรับภาพรวมความเสียหายจากการทุจริตเงินทอนวัด นับตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท.