ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันได้รับร้องเรียนจากผู้ค้าสลากฯรายย่อย ที่เดินเร่ขาย หรือตั้งแผงขายหลายแห่งว่าได้รับผลกระทบจากการเปิดขายสลากดิจิทัล และขายสลากนได้ยากขึ้น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการซื้อสลากฯใบละ 80 บาท แต่คนขายรายย่อยไม่สามารถขายให้ได้ เพราะต้นทุนรับมาแพงถึงใบ 89-91 บาท จึงต้องขายใบ 100 บาท หากต่ำกว่านั้นก็ขาดทุน จึงขอให้สำนักงานสลากฯ หาทางช่วยเหลือด้วย และไม่อยากให้เพิ่มสลากดิจิทัลมากเกินไป เพราะจะทำให้กระทบต่อผู้ค้ารายย่อย และอาจทำให้มีคนตกงานอีกหลายหมื่นคน เช่นเดียวกับร้านโครงการสลาก 80 ก็อยากให้สำนักงานสลากฯ เร่งแก้ปัญหา เพราะทุกวันนี้ถูกจำกัดให้ซื้อได้คนละ 20 ใบ ต่างจากสลากดิจิทัลที่ซื้อได้ไม่จำกัด ทำให้ลูกค้าหนีไปซื้อสลากฯ ผ่านแอพเป๋าตังกันหมด
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความคืบหน้าของโครงการสลากดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง รู้สึกพอใจที่ประชาชนให้การตอบรับอย่างดี และโครงการฯ สามารถแก้ไขปัญหาการขายสลากฯเกินราคา 80 บาทได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ฝากเตือนพี่น้องประชาชนอย่าซื้อสลากดิจิทัลจนเกินกำลัง
ขณะที่ในส่วนของการจัดจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลราคา 80 บาท ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศเกือบ 300 จุด ก็มีรายงานว่ามีประชาชนซื้อสลากฯเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสลากฯเกินราคา เชื่อว่าจะลดปัญหาการขายสลากฯเกินราคาได้ดีขึ้น สามารถสร้างกลไกราคาให้กลับมาที่ราคา 80 บาทได้ในไม่ช้าและเป็นรูปธรรม สำหรับข้อห่วงใยของกลุ่มผู้ค้ารายย่อย นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาสลากฯแพง ช่วยนำไปพิจารณาเพื่อหาทางออกและเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่ายด้วย
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าว สำนักงานสลากฯ ยังไม่รีบเร่งเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลโดยทันที แต่จะมีการประชุมคณะกรรมการสลากฯ เพื่อประเมินผลการซื้อขายในช่วงปลายเดือนนี้ก่อน โดยจะต้องดูความเหมาะสมหลายมิติ เพราะสำนักงานสลากฯ เอง ก็ต้องการให้สลากฯแบบใบและสลากดิจิทัล สามารถขายควบคู่กันไปได้ ไม่ได้รับผลกระทบ จึงต้องดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่การดำเนินสลากดิจิทัลถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสลากฯได้ 80 บาท รวมถึงโครงการสลาก 80 ด้วย