เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 9 พ.ย. ที่ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ รักษาการแทน ผกก.สภ.บางแก้ว พร้อมด้วยชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายกุลภพ หรือบูม ไชยพิเดช อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 908/2566 ลงวันที่ 6 พ.ย. 66 ในฐานความผิด “ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือผ่านสิ่งกีดกั้นเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”
สืบเนื่องจากฝ่ายสืบสวนของ สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายอย่างน้อย 6 ราย มาแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกคนร้ายบุกรุกเข้าไปในบ้านพักงัดเอาทรัพย์สินไปหลายรายการรวมมูลค่ากว่าสิบล้านบาท โดยฝ่ายสืบสวนได้หาเบาะและแกะรอยจากกล้องวงจรปิด กระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายกุลภพ ได้หลบหนีมากบดานในบ้านพักของเพื่อนย่านประเวศ กทม. จึงขออนุมัติหมายจับและเฝ้าติดตาม กระทั่งพบตัวผู้ต้องหารายนี้ หลบซ่อนในบ้านจึงเข้าจับกุม ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง และนำทรัพย์สินบางส่วนไปขายแล้ว อีกส่วนซุกซ่อนในถังแช่เย็นข้างบ้าน เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบพบทรัพย์สินอีกมากมายเกือบร้อยรายการ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยแหวนเงินทอง นาฬิกาแบรนเนม พระเครื่องต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย รวม 80 รายการ มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมนำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.บางแก้ว พร้อมแจ้งผู้เสียหายมาดูของกลางและชี้ตัวผู้ต้องหารายนี้
พ.ต.ท.ชาญวุฒิ เทียมมงคล รองผกก.สส.สภ.บางแก้ว กล่าวว่า จากแนวทางสอบสวนพบว่า คนร้ายเข้าไปก่อเหตุในหมู่บ้านหรู ในช่วงกลางวันแสกๆ ถึงสองวันติด ก่อเหตุวันเดียวถึงสามหลัง ซึ่งการติดตามหาตัวคนร้ายค่อนข้างลำบาก เนื่องจากผู้ต้องหาจะอาศัยปีนเข้าข้างหมู่บ้านหรือข้างบ้านเข้าไปก่อเหตุ ซึ่งหลังจากจับกุมตัวได้ พร้อมทรัพย์สินอีกหลายรายการยังไม่มีเจ้าของทรัพย์มาแจ้งความประสงค์ ซึ่งเชื่อว่านอกจากผู้เสียหาย 6 รายที่มาแจ้งความแล้ว ผู้ต้องหารายนี้ยังไปก่อเหตุที่อื่นอีก หากผู้เสียหายรายใดที่ถูกโจรขึ้นบ้านและต้องสงสัยว่าจะมีทรัพย์สินในครั้งนี้หรือไม่ ก็สามารถมาขอดูทรัพย์สินที่ สภ.บางแก้ว ได้เช่นกัน ส่วนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ที่ทำเพราะติดหนี้การพนันต้องการหาเงินไปใช้หนี้การพนันและใช้จ่ายทั่วไป
ด้านผู้เสียหายที่มีบ้านพักในโครงการหมู่บ้านหรูเลียบด่วนกาญจนา เล่าว่า บ้านของตนเองอยู่ใกล้ป้อม รปภ. แท้ๆ แต่เจ้าหน้าที่ รภป. ยังหละหลวมให้คนร้ายเดินเข้ามาในหมู่บ้านจนเข้ามาก่อเหตุภายในบ้านอย่างง่ายดาย ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมา รปภ. ของบริษัทแห่งนี้จะมีการเปลี่ยน รภป. บ่อยมากและไม่ออกตรวจตราในหมู่บ้าน จึงกลายเป็นโอกาสที่ทำให้คนร้ายรายนี้เดินชิวหาเข้าบ้านพักของลูกบ้านได้ ถึงแม้จะต้องจ่ายค่าส่วนกลางตกปีละสองหมื่นกว่าบาท แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ยังเคราะห์ดี ที่ตำรวจตามจับคนร้ายได้ และติดตามทรัพย์สินคืนมาได้บางส่วน หากยังจับตัวไม่ได้ลูกบ้านยังคงต้องนอนผวาโจรต่อไป
ขณะที่ผู้เสียหายอีกรายที่ถูกโจรรายนี้ขึ้นบ้านและขโมยทรัพย์สิน ออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่ชวนขนหัวลุก ว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาถูกจับกุม ผู้ต้องหาเล่าให้ตนและตำรวจฟังว่า พอเข้าไปก่อเหตุในบ้านของตนที่ชั้นล่างเสร็จและกำลังขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองที่ห้องนอน ปรากฏว่าผู้ต้องหารายนี้ต้องวิ่งหนีหน้าตั้งออกจากบ้านไปเพราะไปเจอกุมารสององค์ผมจุก ยืนถอดเสื้อท้าวเอวขวางที่ทางขึ้นบันได ซึ่งถามว่าตนเลี้ยงกุมารไว้จริงไหม ยอมรับว่าเลี้ยงไว้จริง เป็นกุมารที่ชื่อว่าพี่จุกกับพี่จันทร์ ซึ่งตนได้บูชามาจากวัดแห่งหนึ่งแถวสวนหลวงเมื่อ 4-5 ปีก่อน และเป็นกุมารที่ตนมีความเชื่อความศรัทธาให้มาช่วยปกปักรักษาครอบครัวและทรัพย์สินในบ้าน ที่ผ่านมาเคยได้โชคลาภบ้างแต่ก็ไม่บ่อย และยังเคยฝันถึงก็มี พอถามผู้ต้องหาถึงรูปร่างของกุมารก็บอกตรงกันตามภาพที่ตนนำมาให้ดู ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับตนและครอบครัว หากโจรในวันนั้นไม่เจอกุมารคงงัดเข้าไปในห้องนอน ซึ่งมีทรัพย์สินเงินทองอีกจำนวนมากต้องสูญหายไปอย่างแน่นอน.