เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนเมื่อไหร่ คนไทยมักจะคุ้นชินกับโรคร้ายที่ต้องเฝ้าระวังอยู่เสมออย่าง “ไข้เลือดออก” แต่เคยทราบบ้างหรือไม่ว่า อันที่จริงแล้วยังมี “โรคชิคุนกุนยา” ที่เป็นโรคที่มีความรุนแรง ถึงแม้จะไม่อันตรายเท่าโรคไข้เลือดออก แต่ก็พบการระบาดมากในช่วงฤดูฝน…

วันนี้ “Healthy Clean” จึงขอพาไปพูดคุยกับ นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดี กรมการแพทย์ กล่าวว่า “โรคชิคุนกุนยา” (Chikungunya) หรือ “โรคไข้ปวดข้อยุงลาย” เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มียุงลายสวนและยุงลายบ้านเป็นพาหะนำโรค พบได้ในทุกกลุ่มอายุ รวมทั้งเด็กเล็ก มีอาการคล้ายกับโรคไข้เลือดออกแต่ไม่รุนแรงเท่า

“โรคชิคุนกุนยามักไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อชีวิต แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเรื้อรังต่อเนื่อง” สำหรับในรายที่รุนแรงอาจพบเกล็ดเลือดต่ำและมีอาการช็อกได้ แต่พบได้น้อยมาก โดยทั่วไปเมื่อผู้ป่วยถูกยุงลายที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยากัด จะมีระยะฟักตัวของโรค 1-12 วัน แต่ที่พบบ่อยจะอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน

ด้าน นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อครบระยะฟักตัวผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน โดยอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-4 วัน และไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย บางรายอาจมีอาการบวมที่มือและเท้า หรือมีอาการคันร่วมด้วย รวมทั้งอาจจะมีตาแดง

อาการที่เด่นชัดในผู้ใหญ่คืออาการปวดข้อร่วมกับมีการอักเสบ มักพบที่ นิ้วมือ ข้อศอก ข้อเข่า โดยมักจะพบได้หลายข้อและเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ บางรายอาจมีอาการรุนแรงทำให้ไม่สามารถขยับข้อได้ โดยอาการปวดข้อช่วงแรกมักหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเกิดขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา และบางรายอาการปวดข้ออาจอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี แต่สำหรับในเด็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าผู้ใหญ่

นอกจากนี้ ทางด้านนายแพทย์ภาณุวัฒน์ วงษ์กุหลาบ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลราชวิถี ยังได้อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า โรคชิคุนกุนยามีความแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก โดยผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยา ในรายที่รุนแรงอาจมีเกร็ดเลือดต่ำและมีอาการช็อกแต่พบได้น้อยมาก บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ตับอักเสบ เป็นต้น โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงคือ ผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี  ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเบาหวาน โรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง 

โดยทั่วไปโรคนี้ไม่มีการรักษาที่จำเพาะเจาะจง แต่เป็นการรักษาตามอาการของโรค เช่น การให้ยาลดไข้ (ควรทานยาพาราเซตามอล เพื่อลดไข้และอาการปวด) แพทย์อาจให้ยาแก้ปวดในกลุ่มต้านอักเสบ ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดข้อและสามารถแยกโรคได้จากโรคไข้เลือดออก ผู้ป่วยควรเช็ดตัวด้วยน้ำสะอาดเพื่อช่วยลดไข้ ดื่มน้ำและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การป้องกันที่ดีที่สุด คือ ไม่ให้ยุงกัด เช่น ใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ทายากันยุง ติดตั้งอุปกรณ์กันยุง เช่นมุ้งลวดภายในบ้าน

ทั้งนี้ ควรเก็บบ้านให้สะอาด โปร่ง โล่ง ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ภาชนะที่ใส่น้ำจะต้องปิดฝาให้มิดชิด หรือหมั่นทำความสะอาด เปลี่ยนถ่ายน้ำ ใส่ทรายหรือแบคทีเรียกำจัดลูกน้ำป้องกันไม่ให้ยุงลายมาวางไข่ ซึ่งจะสามารถป้องกันได้ถึง 3 โรค คือ โรคชิคุนกุนยา หรือ โรคไข้ปวดข้อยุงลาย โรคไข้เลือดออก และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา อีกด้วย..

………………………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”