ชัยชนะ 3-0 ที่ ลิเวอร์พูล มีเหนือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในเกมที่เอลแลนด์ โรด เมื่อวันอาทิตย์นั้น ในความเป็นจริงต้องถือเป็นชัยชนะที่สวยหรูดูไม่จืดของ “หงส์แดง” และควรต้องเป็นเหตุให้เหล่าแฟน ๆ ได้ฉลองกับ 3 คะแนน

แต่สุดท้ายมันก็ดันมีเรื่องร้ายมากลบเรื่องดี ๆ ของ “เดอะ ค็อป” ไปเสียได้…

พูดถึงเรื่องรูปเกมกันก่อน เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ เป่าปากโล่งอกได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเมื่อ อลิสซอน เบคเกอร์ และ ฟาบินโญ ได้ไฟเขียวให้ลงสนามได้ หลังมีการเคลียร์ปัญหา 3 ฝ่ายระหว่างพรีเมียร์ลีก ฟีฟ่า และสมาพันธ์ฟุตบอลบราซิลเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ “ยูงทอง” เจ้าบ้านก็สามารถส่ง ราฟินญา ลงสนามได้จากกรณีเดียวกัน

แต่ดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล จะได้ประโยชน์เต็ม ๆ เพราะ ฟาบินโญ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังยิงลูกที่ 2 ให้กับทีมได้ด้วย ส่วน อลิสซอน ถือว่าละไว้เพราะแทบไม่ต้องเจองานหนักอะไร ขณะที่ ราฟินญา วูบวาบอยู่พักเดียวแล้วหายต๋อมออไปจากเกม

การจัดตัวของ “หงส์แดง” เกมนี้ไม่มีอะไรพลิกโผนัก เกมรับช่วงนี้ค่อนข้างนิ่ง ส่วนแนวรุกสถานการณ์บังคับให้เป็น ดีโอโก โชตา ที่ได้เล่นกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน เพราะ โรแบร์โต ฟีร์มิโน เจ็บ มีแค่แดนกลางที่ คลอปป์ สลับให้โอกาส ติอาโก อัลคันทารา ก่อน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขณะที่ ฟาบินโญ กับไอ้หนู ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ยึดตัวจริงเช่นเคย

เกมในช่วงแรก “ยูงทอง” ของ มาร์เซโล บิเอลซา ดูวูบวาบมากกว่าอยู่ช่วงสั้น ๆ แต่พอเกมผ่านไป ลิเวอร์พูล เริ่มตั้งลำได้ ทุกอย่างก็อยู่ในความควบคุมของผู้มาเยือน ยิ่งพอ ซาลาห์ ยิงลูกที่ 100 ของตัวเองในพรีเมียร์ลีกได้ในนาทีที่ 20 รูปเกมยิ่งตกเป็นของ “หงส์แดง” ชัดเจน

แม้คู่นี้จะเป็นบอลประเภทถอยหลังหกล้มเหมือนกัน แต่ ลีดส์ เป็นมวยบู๊ประเภทบุ่มบ่าม ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่เป็นมวยบู๊แบบมีอาวุธนำ มีชั้นเชิงมากกว่า

จบครึ่งแรกแม้จะนำลูกเดียว แต่ดูเหมือนเกมนี้จะไม่ใช่งานยากอย่างที่ “เดอะ ค็อป” หลายคนหวั่นใจตั้งแต่แรกเสียแล้ว…

ในครึ่งหลัง เมื่อ ฟาบินโญ ยิงลูกที่ 2 ได้ตั้งแต่เริ่มกลับมาเชี่ยบอลกันไปแค่ 5 นาที บวกกับรูปเกมก่อนหน้านั้น เท่ากับว่าน่าจะเป็นการมัดตราสังข์ตอกฝาโลง “ยูงทอง” ก็น่าจะไม่ผิด หลังจากนั้นมันไม่น่าจะมีอะไรให้ต้องเหนื่อยหรือกังวลอะไรสักเท่าไหร่

แต่แล้วก็เกิดเรื่องช็อก เมื่อ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ โดน ปาสกาล สเตราจ์ เสียบจากด้านหลัง แถมล้มทับที่ข้อเท้าจนบิดผิดรูปชัดเจน ส่งผลให้ปราการหลังเจ้าถิ่นโดนใบแดงตะเพิดออกจากสนามไปด้วย…

แม้จากภาพการถ่ายทอดสดอาจไม่ใกล้พอที่จะเห็นชัด ๆ แต่ดูจากปฏิกิริยาของ ซาลาห์ ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็พอจะรู้ว่างานนี้ “หนัก” แน่…

หลังจากนั้นทุกอย่างก็เหมือนจะจบจริง ๆ เจ้าบ้านเหลือ 10 คน โดยที่ประตูและรูปเกมเป็นรอง และแม้ มาเน จะมายิงปิดกล่องช่วงท้าย แต่ความคิดคำนึงของเกมนี้มันกลายเป็นเรื่องอาการบาดเจ็บของ เอลเลียตต์ ไปหมดแล้ว…

ฤดูกาลที่แล้ว “หงส์แดง” ต้องเสียตัวหลักอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ไปตั้งแต่เกมที่ 5 ของฤดูกาล แถมไม่นานต่อมา โจ โกเมซ ก็ล้มหมอนนอนเสื่อยาวตามกันไปติด ๆ และปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมของ คลอปป์ ออกอาการเป๋อยู่เป็นเวลานาน

มาซีซั่นนี้ ทุกอย่างกำลังเริ่มต้นได้ดี แต่พวกเขาดันต้องมาเสีย เอลเลียตต์ ซึ่ง ณ นาทีนี้ผมนับว่าเป็นตัวหลักแล้วไปเสียอีก ซึ่งดูจากอาการค่ราว ๆ (ยังไม่ทราบการแถลงของสโมสร) ถ้าเห็นเขากลับมาลงสนามได้อีกในซีซั่นนี้ก็ต้องบอกเหลือเชื่อ

ก่อนหน้านี้ มีเสียงวิจารณ์ถึงการที่ “หงส์แดง” ไม่หาตัวแทนของ จอร์จินโย ไวจ์นัลดุม ที่หมดสัญญาและย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งผมเชื่อว่านอกจาก คลอปป์ จะคาดหวังกับ ติอาโก อัลคันทารา และ นาบี เกอิตา ว่าจะก้าวขึ้นมาแทนที่ได้หลังจากซีซั่นก่อนทั้งคู่ได้ลงเล่นไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าไหร่แล้ว

เอลเลียตต์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ คลอปป์ พูดมาตลอดว่านักเตะใหม่ตัวแทนของ ไวจ์นัลดุม ไม่ใช่เรื่องจำเปน และน่าจะเป็นเหตุผลหลักเสียด้วย…

แต่ตอนนี้ เหตุผลหลักที่ว่า จะไม่อยู่ให้ใช้งานไปอีกนาน ดูแล้วคลอปป์ อาจต้องภาวนาว่าอย่างให้มิดฟิลด์ที่เหลือคนอื่น ๆ ล้มหมอนนอนเสื่อไปอีก มิฉะนั้นภาพจากซีซั่นที่แล้วมันจะลอยมาในมโนสำนึกทันที…

แค่นึกก็กุมขมับแล้ว…!!!