4 ปีที่แล้ว คือช่วงเวลาบินสูงครั้งสุดท้ายของ เอแดน อาซาร์ เขามี 7 ฤดูกาล ที่ยอดเยี่ยมกับ เชลซี เป็นขุมกำลังสำคัญในชุดที่พา ‘สิงห์สำอาง’ เถลิงบัลลังค์แชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย พร้อมรางวัลส่วนตัวอย่างนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2014-15 ก่อนจะย้ายไปร่วมทัพ รีล มาดริด ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์

ความคาดหวังจากแฟนบอล ‘ราชันชุดขาว’ ต่อนักเตะยอดเยี่ยมนั้นสูงมาก ๆ เพราะการย้ายเข้ามาครั้งนี้เกิดขึ้นหลัง คริสเตียโน โรนัลโด ย้ายไปร่วมทัพยูเวนตุส และเป็นช่วงที่ แกเรธ เบล ถูกลดบทบาทจาก ซีเนอดีน ซีดาน ผู้จัดการทีมขณะนั้น

ด้วยดีกรีนักเตะยอดเยี่ยม เมื่อรวมกับผลงาน 110 ประตู และ 75 แอสซิสต์ พอเพียงสำหรับการย้ายมาเป็นตัวแทนซูเปอร์สตาร์ลูกหนังทั้ง 2 คน และการได้ย้ายมาร่วมกับยอดทีม ในช่วงวัยวัยที่ดีที่สุดในอาชีพนักฟุตบอล (28 ปี) ถือเป็นนักฟุตบอลอีกคนที่น่าจะประสบความสำเร็จ

แต่เหตุการณ์มันกลับไม่เป็นแบบนั้น…

เสียงเตือนแรกเริ่มตั้งแต่หลังย้ายมาที่สเปน อาซาร์ ใช้วันหยุดหลังจากการรายงานตัวไปกับการเฉลิมฉลองอย่างสุดเหวี่ยง และไม่รู้ว่าไปฉลองท่าไหนมา แต่เขาไม่สามารถลงสนามในช่วงเปิดฤดูกาลได้จากอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย

หลังกลับมาลงสนามได้ อาซาร์ ประเดิมสกอร์แรกให้กับ รีล มาดริด ได้ในเกมกับ กรานาดา เมื่อเดือนตุลาคม 2019 ประตูนี้เหมือนส่งสัญญาให้แฟนบอลชุดขาวเห็นว่าคู่หู เบนเซมา กับ อาซาร์ กำลังปูทางสู่จุดสูงสุดได้

ขณะที่ฟอร์มกำลังกลับมาดีก็ถูกอาการบาดเจ็บพรากเขาจากการลงสนามไปอีกครั้ง จากจังหวะเข้าสกัดของ โธมัส มูนิเยร์ กองหลังปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 ส่งผลให้ อาซาร์ ต้องหายจากสนามไปเกือบ 3 เดือน

ร่างกายกำลังกลับมาสมบูรณ์ ก็เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มันน่าหงุดหงิดมากสำหรับนักเตะที่พยายามกลับมาลงสนามอีกครั้ง

ช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มผ่อนคลาย ร่างกายของ อาซาร์ ก็ฟิตสมบูรณ์พร้อมลงสนามในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2019-20 แม้จะได้รับโอกาสเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังดีที่ของ รีล มาดริด สามารถคว้าแชมป์ลีกมาได้ แต่ฟอร์มส่วนตัวของนักเตะยอดเยี่ยมจากเกาะอังกฤษไม่ค่อยดีนัก ผนวกกับปีกดาวรุ่งบราซิเลียนอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดริโก กำลังฉายแววพรสวรรค์ ซึ่งส่งผลโดยตรงกับตำแหน่งตัวจริงของดาวเตะทีมชาติเบลเยี่ยม

หลังจากนั้นตลอด 3 ปี อาซาร์ ก็วนอยู่ในลูปนรกนี้ เริ่มจากลงสนาม บาดเจ็บ กลับมาฟิต แล้ววนไปที่ลงสนาม เป็นแบบนี้ซ้ำ ๆ

ในฤดูกาล 2021-22 เป็นปีที่ รีล มาดริด ภายใต้การกุนซือคนใหม่อย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ ผงาดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ ทั้ง ลา ลีกา และแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้จะเปลี่ยนกุนซือแล้วแต่ อาซาร์ ก็ยังไม่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวจริง เขาได้ลงสนามเพียง 8 นัด จากทั้ง 2 รายการ ผลงานส่วนตัวมีเพียงการทำ 1 แอสซิสต์ เท่านั้น

ฤดูกาลสุดท้ายโอกาสการลงสนามก็ยังคลุมเคลือ ด้วยเวลาการลงสนามเพียง 395 นาที และเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม เกมระหว่าง รีล มาดริด กับ เกตาเฟ่ ผลจบลงที่ “ราชันชุดขาว” ชนะ 1-0 แม้ อาซาร์ จะได้ลงสนามเป็น 11 ตัวจริง แต่เขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมจังหวะของเกมเลย และประตูที่เกิดขึ้นเพียงลูกเดียว เกิดขึ้นหลังจากที่เขาถูกเปลี่ยนตัวออก และเกมดังกล่าวคือเกมสุดท้ายของเขาในสีเสื้อ “ราชันสุดขาว”

เมื่อจบฤดูกาลไม่มีข่าว ไม่มีแถลงการณ์ใด ๆ จากสโมสร มีเพียงการเข้าไปพูดคุยกันเท่านั้น ตลอด 4 ฤดูกาล ที่สเปน อาซาร์ ลงสนาม 76 นัด (สำรอง 32 นัด) ทำได้ 7 ประตู กับ 9 แอสซิสต์ สำคัญที่สุด คือ เขาไม่เคยลงเล่นในศึกสำคัญอย่าง เอล กลาซิโก แม้แต่นัดเดียว

ช่วงเวลาของ อาซาร์ ที่ รีล มาดริด น่าผิดหวัง แต่ก็น่าเห็นใจด้วยเช่นเดียวกัน เพราะหลังจังหวะที่โดนเข้าสกัดจาก มูนิเยร์ เขาต้องพักรักษาตัวอยู่พอตัว อีกทั้งพอจะกลับมาลงสนามก็เจอสถาการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19

แต่เรายังไม่สามารถลืมได้ว่าช่วงเวลาของ อาซาร์ กับ เชลซี นั้นน่าตื่นเต้น การที่เขาเป็นที่พูดถึงได้ในช่วงที่มีซูเปอร์สตาร์แห่งยุคอย่าง ลีโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด หลังจากย้ายมาร่วมทัพ เชลซี เมื่อปี 2012 เขาสามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงได้ทันที และช่วยให้ ‘สิงห์สำอาง’ คว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกของเขา

การันตีความยอดเยี่ยมในเกาะอังกฤษ ด้วยการติดทีมยอดเยี่ยมของ PFA 4 ฤดูกาล ติดต่อกัน ด้วยผลงานยิงเฉลี่ย 13 ประตู ทุกฤดูกาล อีกทั้งการสร้างสรรค์ผลงานอีกหลายสิบลูกด้วยการเลี้ยงบอลอันทรงพลัง และสายตาอันชาญฉลาดของเขา อาซาร์ เป็นผู้เล่นที่น่าตื่นเต้นทั้งแฟน เชลซี รวมถึงแฟนทีมอื่นด้วยเช่นกัน

หากจะมองถึงผลงานในระดับนานาชาติอาซาร์ เป็นผู้เล่นที่ลงสนามให้ทีมชาติเบลเยี่ยม มากที่ตลอดกาลอันดับ 2 ด้วยตัวเลข 126 นัด ซัดไป 33 ประตู สำหรับเพื่อนร่วมทีม เขาคือสมาชิกที่สำคัญที่สุดในยุคทองของทัพ “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” ได้รับการพิจารณาเป็นผู้ท้าชิงถ้วยรางวัลสำคัญ ๆ และเขี่ยบราซิลตกรอบ สู่การจบอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018

แต่ทีมชาติเบลเยียม ไม่เคยชนะหรือเข้ารอบชิงชนะเลิศเลย พวกเขาเป็นทีมที่ดีมาก และในบางครั้งพวกเขาก็ยอดเยี่ยม แต่ยังมีข้อสงสัยอยู่ว่าพวกเขาสามารถดีขึ้นได้มากกว่านี้

ขณะที่ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายที่เขาได้สวมเสื้อทีมชาติ เจ้าตัวประกาศอำลาทีมชาติหลังทีมตกรอบแรกที่กาตาร์ ก่อนที่อาชีพนักฟุตบอลของเขาจะจบลงแบบไม่มีใครคาดคิด โดยหลังเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์อยู่ช่วงสั้น ๆ นับตั้งแต่หมดสัญญากับ “ราชันชุดขาว” หลังจบฤดูกาลที่แล้ว อาซาร์ ก็เลือกที่จะประกาศแขวนสตั๊ดเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

เป็นการปิดฉากอาชีพอย่างเหลือเชื่อ ของนักเตะที่เคยได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของโลกหลังหมดยุค เมสซี และ โรนัลโด