ย้อนไปปี 2016 เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี สร้างความสั่นสะเทือนโลกลูกหนังด้วยการเซ็นสัญญา ฮัลค์ กองหน้าชาวบราซิลค่าตัว 46 ล้านปอนด์และให้ค่าจ้างถึง 320,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ นับเป็นตัวเลขที่เกินจินตนาการว่าจะมีทีมไหนจากเอเชียที่จ่ายค่าจ้างนักเตะมากขนาดนี้่
แต่นั่นก็แค่จุดเริ่มต้น เพราะมีนักเตะบิ๊กเนมอีกมากที่เรียงหน้าเข้ามาโกยเงินในดินแดนกำแพงเมืองจีน เช่น ออสการ์ จากเชลซี ที่ได้ค่าจ้างสัปดาห์ละ 4 แสนปอนด์, คาร์ลอส เตเบซ โกยเงินสัปดาห์ละ 7 แสนปอนด์ ไหนจะ เอเซเกล ลาเวซซี, อเล็กซ์ เตเซรา และ แจ็คสัน มาร์ติเนซ ก็ล้วนทนความเย้ายวนของเงินหยวนอันหอมหวานไม่ไหว
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2023/11/1MI68E-highres.jpg)
ช่วงเวลาดังกล่าวเกิดในยุคเศรษฐกิจจีนเฟื่องฟู เช่นเดียวกับ ความปรารถนาของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ฝันให้ทีมชาติจีนเป็นมหาอำนาจลูกหนัง ไม่ใช่แค่ได้ไปฟุตบอลโลก แต่ฝันกระทั่งได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก
พวกเขาลงทุนมหาศาลจนทำเอาหลายทีมในยุโรปปั่นป่วน อันโตนิโอ คอนเต ตอนเป็นกุนซือเชลซี เคยกล่าวว่า “ตลาดจีนเป็นอันตรายต่อทุกทีมในโลก ไม่ใช่แค่สำหรับเชลซี”
ตอนปี 2019 แกเรธ เบล เกือบย้ายไปเจียงซู ซูหนิง ที่เสนอค่าจ้างมากสุดในโลกถึงสัปดาห์ละ 1 ล้านปอนด์ แต่เพียงไม่ถึง 2 ปีต่อมา สโมสรก็ล่มสลาย พวกเขาย่ำแย่ถึงขั้นนำรถบัสของทีมออกประมูลเป็นเงินสด รวมแล้วผ่านไปไม่กี่ปี ฟองสบู่ไชนีส ซูเปอร์ลีก ก็ระเบิดอย่างรวดเร็ว .. มันเกิดอะไรขึ้น?
ทางการจีนนำข้อบังคับภาษีฟุ่มเฟือยมาใช้ทำให้การย้ายทีมค่าตัวแพงไม่เกิดขึ้น มีการห้ามตั้งชื่อทีมตามผู้สนับสนุน และประกาศกฎควบคุมเพดานค่าจ้างในปี 2020 ให้จ่ายได้ไม่เกินคนละ52,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ สาเหตุเพราะทางการหวั่นเกรงว่าจะเกิดฟองสบู่จากการลงทุนที่ไม่สมเหตุสมผล กล่าวหาสโมสรว่าเผาเงินให้นักเตะต่างชาติด้วยเงินเดือนมากเกินไป รัฐบาลจึงต้องควบคุมเข้มข้นเพื่อไม่ให้กระทบวงจรภาคธุรกิจอื่น
หลายสโมสรถูกซ้ำเติมด้วยผลกระทบปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทหลายแห่งขาดกระแสเงินสด เช่นเดียวกับโรคระบาดโควิด-19 จนต้องปิดประเทศมากกว่า 2 ปี จำนวนแมตช์ลดลง รายได้ลดลง
ทั้งหมดผสานกลายเป็นความตกต่ำที่วงการฟุตบอลจีนต้องเผชิญอย่างรวดเร็วชนิดปรับตัวกันแทบไม่ทัน พวกเขาเปลี่ยนจากลีกทุ่มเงินซื้อกลายเป็นผลิตนักเตะท้องถิ่นให้มากขึ้น
ด้วยประการฉะนี้เมื่อย้อนดูวิกฤติของจีนแล้วก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าปลายทางสุดท้ายของซาอุดิอาระเบียที่กำลังใช้วิธีการแบบเดียวกันนั้น จะจบแบบไม่สวยเหมือนจีนหรือไม่?
เฮียเอง