แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นถึงการเป็น “ราชาแห่งการคัมแบ๊ก” อีกครั้ง เมื่อเปิดบ้านไล่แซงเชือด อตาลันตา แบบสุดดราม่า 3-2 ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา หลังโดนล่อเป้าไปก่อน 2 ตุงในครึ่งแรก

            เกมนี้ โอเล กุนนาร์ โซลชา ตัดสินใจเรียกใช้บริการของคู่หู “แม็คเฟร็ด” สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และเฟร็ด อีกครั้ง โดยดร็อปคู่กลางตัวจริงในเกมแพ้ เลสเตอร์ อย่าง ปอล ป็อกบา และเนมานยา มาติช เอาไว้เป็นตัวสำรองด้วยหวังใจว่า น่าจะช่วยเกมรับของทีมเหนียวแน่นขึ้น

            ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาดูเหมือนจะไม่ตรงใจของ โซลชา เท่าไรนักเพราะนอกจากจะไม่สามารถช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด รอดพ้นจากการโดนทะลวงตาข่ายได้แล้วคู่หู “แม็คเฟร็ด” ยังกลายเป็นจุดอ่อนเพราะเชื่อมเกมไม่ได้ทั้งคู่อีกต่างหาก

            สำหรับประตูที่เสียให้ อตาลันตา ก็ต้องบอกว่า “ตามสูตร”

 ประตูแรก วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ถูก หลุยส์ มูเรียล ดึงออกจากตำแหน่งจน ลุค ชอว์ ต้องหุบเข้าไปคุมพื้นที่ในกรอบเขตโทษแทน

            ทว่าเมื่อรู้ตัวว่าเสียตำแหน่งแทนที่จะพยายามเข้าไปชิด หรือ แย่งบอลจาก มูเรียล มาให้ได้ แต่ ลินเดเลิฟ กลับเอาแต่จ้อง และปล่อยให้ มูเรียล ม้วนหนีก่อนจ่ายบอลให้ โยซิป อิลิซิช ที่เบิลต่อให้ฟูลแบ๊กอย่าง ดาวิเด ซัปปาคอสตา ที่เติมขึ้นมารับบอลก่อนตบเข้ากลางให้ มาริโอ ปาซาลิช ชาร์จเข้าไปง่าย ๆ เสียอย่างนั้น

            ส่วนลูกที่ 2 ก็เกิดจากการคุมคนไม่ดีในจังหวะเสียลูกเตะมุม โดย แม็คโทมิเนย์ เสียเหลี่ยมให้ เมริห์ เดมิรัล ที่ผลักเขาจนหัวทิ่มก่อนจะขึ้นโหม่งเข้าไปตุงตาข่ายเพราะมัวแต่มองบอลไม่ยอมมองตัวประกบนั่นเอง

            ถามว่า เดมิรัล ทำฟาวล์หรือไม่ ถ้าตามตำราก็ต้องบอกว่าฟาวล์ แต่ในสนามเมื่อผู้ตัดสินไม่เป่า และวีเออาร์ ก็ไม่ทักท้วง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องสังเวยประตูไปตามระเบียบ

            หลังเสีย 2 ประตูนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เหมือนถูกปลุกให้ตื่น และเริ่มทำเกมได้ดีขึ้นจนมีโอกาสตีไข่แตกอยู่ 2ครั้งในช่วงปลายครึ่งแรก จาก เฟร็ด และมาร์คัส แรชฟอร์ด

แต่ทั้งคู่กลับฉวยโอกาสเอาไว้ไม่ได้ และทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเดินคอตกกลับเข้าห้องแต่งตัวพร้อมสกอร์ที่ตามหลังอยู่ 0-2 ในครึ่งแรก

            ครึ่งหลังต้องชม โซลชา ว่า ปลุกใจลูกทีมมาได้ดี หลังขุนพลปิศาจแดงลงสนามไปวิ่งแบบลืมตาย และบีบจน อตาลันตา ถูกตึงเอาไว้หน้ากรอบเขตโทษของตัวเองก่อนที่ บรูโน แฟร์นันด์ส จะจ่ายบอลตัดแนวรับให้ แรชฟอร์ด ซัดประตูตีไข่แตก 1-2  ได้ในนาทีที่ 53

            อย่างไรก็ตามเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด มาเหนือกว่า อตาลันตา อย่างชัดเจน หลัง น้าโอเล เลิกป๊อด และส่ง ป็อกบา กับ เอดินสัน คาวานี ลงมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในแนวรุกในช่วงที่เหลืออีกเกือบครึ่งชม.สุดท้าย ซึ่งทำให้แดนกลางของ เรด เดวิลส์ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเยอะเพราะการปั้นเกมของ ดาวเตะแชมป์โลก

ขณะที่ความขยันของ “เอดิ” ก็ช่วยกดดันแนวรับของผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดีทีเดียว

            หลังบดอยู่นานพักใหญ่ในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากลูกยิงชนิดเหนือความคาดหมายของ แฮร์รี แม็กไกวร์  ในนาทีที่ 75 ซึ่งน่าจะช่วยให้ กัปตันแฮร์รี เรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้เยอะทีเดียว หลังโชว์ฟอร์มออกทะเลไปไกลในเกมแพ้ “จิ้งจอกสยาม”

            ส่วนประตูชัย 3-2 ก็ต้องชมทั้งคนเปิดอย่าง ชอว์ และคนโหม่งอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด ว่า ทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบจนช่วยฉุดให้ แมนฯ ยูไนเต็ด รอดพ้นจากเงื้อมมือของพระยามัจจุราช และกลับมาคว้า 3 คะแนนเต็มได้อย่างเหลือเชื่อ

            ถึงตรงนี้ต้องแวะพูดถึง โรนัลโด สักหน่อยเพราะเกมนี้เจ้าตัวพยายามวิ่งช่วยทีมอย่างเต็มที่ทั้งในเกมรุก และเกมรับ หลังโดนวิจารณ์อย่างหนักว่า เข้ามาสร้างปัญหาให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จนทีมเสียสมดุลจากการไม่ยอมช่วยเพิ่มร่วงมทีมไล่บอลตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา

            สำหรับคำถามที่ตามมาหลังจากเกมนี้ก็คือ โซลชา จะจัดทีมแบบไหนในการเปิดบ้านรับมือ ลิเวอร์พูล ในศึกแดงเดือดวันอาทิตย์นี้

จะเลือกใช้ทีมชุดเดียวกับที่ออกสตาร์ตในเกมกับ อตาลันตา ซึ่งเห็นได้ชัดว่า “จัดแบบกลัวแพ้” และทำให้ทีมเกือบโดนจับถ่วงน้ำ หรือ จะเลือกใช้ทีมชุดเดียวกับในช่วงท้ายครึ่งหลัง ที่พาทีมกลับมาคว้า “ชัยชนะ” ได้สำเร็จเพื่อวัดกับ “หงส์แดง” ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

            หากถามความเห็นส่วนตัวก็ขอฟันธงเอาไว้ตรงนี้เลยว่า เราน่าจะได้เห็น อสูรแดง ลงสนามพร้อมกับแนวรับ 6 คน (กองหลัง 4 คนบวกคู่หูแม็คเฟร็ด) เหมือนกับในเกมกับ อตาลันตา นี่แหละ และมันก็จะเป็นการตอกย้ำให้เห็นอีกครั้งว่า โซลชา ยังใจไม่ใหญ่พอที่จะคุมทีมบิ๊กไซส์ระดับ แมนฯ ยูไนเต็ด จริง ๆ.

แท ยอน