@ภาพใหญ่ของ”การเมือง”หลังจากกลับจาก”ต่างประเทศ” ที่”แพทองธาร ชินวัตร”  นายกรัฐมนตรี ได้ไป”เปิดโลกทัศน์ทางการเมือง” มีการ”พบปะสนทนา” กับ”ผู้นำระดับโลก” และผู้นำ”มหาอำนาจ” อย่าง”ประเทศจีน” และ”สหรัฐอเมริกา” ก็น่าจะเพิ่ม”ประสบการณ์ ”ทาง”การเมือง” ให้” นายกอิ๊งค์” มีความ”แข็งแกร่ง” ทาง”การเมือง”มากขึ้น”ส่วนเรื่องของ”เสื้อ ผ้า หน้า ผม” ก็อย่านำมาเป็น”ประเด็น” ให้มากนัก” เพราะ เธอคือ “นายกรัฐมนตรี” ที่ยังเป็น”สาวน้อย” ที่”อายุอานาม” ยังไม่ถึง 40 ปี ที่ต้อง”รักสวยรักงาม” จนอาจจะ”ไม่เข้าใจ” ใน”บริบท”ของการ”แต่งกาย”ของการเป็น”ผู้นำประเทศ” ที่ต้องยึดเอา”ขนบธรรมเนียม” มากกว่าการ”โชว์ความหรูหรา”ของ”แฟชั่น”….. กลับมาถึง”เมืองไทย” เธอก็ได้”โชว์เก่ง โชว์กึ๋น” ของผู้นำที่มี”วิสัยทัศน์”ในการเป็น”ผู้นำ” ทางด้าน”เศรษฐกิจ” ด้วยการบอกกับ”ประชาชน” ว่า”ทางเลือกทางรอด”ของ”ประเทศไทย” และ”คนไทย” มีด้วยกัน 3 ทาง นั่นคือ 1 .โอกาสทางอาหาร 2 .โอกาสด้านอุตสาหกรรมสุขภาพ 3 .ซอฟต์พาวเวอร์” ซึ่งจะเป็น”โอกาส” ที่”เป็นจริง” หรือไม่เป็นจริง”ผู้ฟัง ก็ต้องใน”ขยาย” รายละเอียดกันเอง แต่ที่เป็น”ของจริง” ณ วันนี้ของ”ประเทศไทย” ที่กลายเป็น”กับดัก” ทาง”เศรษฐกิจ” คิดเรื่องของ”หนี้สินครัวเรือน”เรื่องของ”สถาบันการเงิน”ที่ไม่ยอม”ปล่อยสินเชื่อ”ให้กับ”ธุรกิจระดับล่าง” เรื่อง”ราคาพลังงาน” ที่เป็น”ต้นตอ” ให้”สินค้าแพง” และเรื่องการ”ขึ้นค่าแรง” ที่ถูก”คัดค้าน” จาก” กลุ่มทุน” ซึ่งเรื่องเหล่านี้ จะ”แก้อย่างไร” จะ”เดินหน้า”อย่างไร

@ถ้าถาม”นายกอิ๊งค์” คำตอบอาจเหมือนอย่างหลายๆคำถาม เช่น”ยิ่งลักษณ์ชินวัตร” ผู้เป็น”อาหญิง” จะได้กลับประเทศไทยใน”ห้วงเทศกาลสงกรานต์” จริงหรือ และ”วันนี้”ทักษิณ ชินวัตร” อดีต”นายกรัฐมนตรี” ยังเป็น”บุคคล”ที่ถือ”สองสัญชาติ” อยู่หรือไม่ อันนี้”ต้องไปถามพ่อ” เธอว่างั้น ดังนั้นเรื่องของ”พ่อ ลูก” ที่มีความ”สัมพันธ์ทางการเมือง” อย่าง”แยกกันไม่ออก” ว่าใคร”ใหญ่กว่าใคร” และ”ใครคือผู้มี”อำนาจ”ที่เป็น”ตัวจริง” ในทาง”การเมือง” ระดับโลก  จึงไม่ได้หมายความว่า”มาช่วยกันทำงาน” เพื่อให้การ”บริหารประเทศ” เป็นไปอย่างมี”ประสิทธิภาพ” แต่เป็นเรื่อง”ไร้เสถียรภาพ”ของ”รัฐบาล” เพราะไม่รู้ว่า”อำนาจการตัดสินใจ” ในแต่ละเรื่อง อยู่ที่ใครระหว่าง”พ่อ กับ ลูก”…..แต่เมื่อดู”บริบท” ของ” ทักษิณ ชินวัตร”ในบทของ”ผู้ช่วยหาเสียง” ให้กับผู้สมัคร”นายก อบจ.อุดรธานี” ของ”พรรคเพื่อไทย” ก็จะได้เห็น”คมเขี้ยว” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ที่ ทุก”คำพูด” ทุก”นโยบาย” ในการ”หาเสียง” ต่างบอกกับ”ประชาชน”ว่าเป็น “คำสั่งของลูก” เป็น”นโยบาย” ของ”นายกรัฐมนตรี” ตนเองมาตาม”คำสั่ง” ของ”นายกรัฐมนตรี” เป็นเพียง”ตัวแทน”ของ”ลูก” ที่สั่งให้”พ่อ”มาทำในฐานะของ”ผู้ช่วยหาเสียง” ที่มี”เบี้ยเลี้ยง” วันละ 200  เท่านั้น นี่เป็น”หมากการเมืองอีกตา” ที่”ทักษิณ ชิวัตร” เล่นบท”เพลย์เซฟ” ทั้ง”ตนเอง” และ”บุตรสาว” ที่เป็น”นายกรัฐมนตรี”…..

@ส่วนหลังจากที่”ทั้ง”อัยการ” และ”ศาลรัฐธรรมนูญ” ไม่”รับฟ้อง” จากผู้ที่”ร้องเรียน” ในข้อหา”ทักษิณ ชินวัตร”ล้มล้างการปกครอง” ก็ยังไม่ได้ทำให้”ทักษิณ ชินวัตร” เป็น”พยัคฆ์เสียบปีก” แต่อย่างใด เพราะ”ทักษิณ ชินวัตร” ยังมีอีก”หลายคดี” โดยเฉพาะเรื่องของการเป็น”นักโทษเทวดาชั้น 14” ที่ยังเป็น”ปมปัญหา” ในการ”ลากโยง” ใครต่อใครให้กลายเป็น”คนผิด” ไปด้วย รวมทั้งการ”เคลื่อนไหว” ในแต่ละ”บริบท” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ยังเปิดโอกาสให้”นักร้อง” สามารถ”หยิบยก” มาเป็น”ประเด็นของการ”ร้องเรียน” ได้ทุกเรื่อง แต่ก็เชื่อว่า”ทักษิณ ชินวัตร” ยังเป็น”กลไก” ที่สำคัญในการ”ขับเคลื่อน” การนำของ”รัฐบาล” และ”พรรคเพื่อไทย”โดยจะเล่น”บทหลังฉาก” มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง”กฎหมาย” ให้”ต่างชาติ” สามารถ”เช่าที่ดิน 99 ปี” เรื่องของ”อินเตอร์เทนเม็นท์คอมเพล็กซ์” หรือ”บ่อนเสรี” และอื่นๆ ที่เป็นเรื่อง”อภิมหา” รวมทั้งเรื่องของการ”ดีลลับ” ในการเป็น”หัวหอก” การ”สกัดกั้นพรรคประชาชน”  มิให้”เติบโต”เพราะต้องไม่ลืมว่าการ”กลับประเทศ”ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ใช่การกลับมา”รับโทษ” แต่กลับมาเพราะ”มีงานให้ทำ” และคนที่ทำงานนี้ให้”สำเร็จ” ก็คือ”อดีตนักโทษทางการเมือง”คนนี้ นี่คือ”จุด”แข็งโป๊ก”ของ”ทักษิณ ชินวัตร” …..แต่โดย”นิสัย” ที่”แก้ไม่หาย” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” คือเรื่องชอบ”ไต่บันไดลวด”ที่ชอบเล่นกับ”กฎหมาย” แบบ”นักกายกรรม”ที่”ไต่ลวด” เช่นอยู่ดีๆก็โพล่งขึ้นว่า”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีต”นายกรัฐมนตรี” ที่มี”ศักดิ์เป็นน้องสาว”ที่เป็น”นักโทษการเมือง” จะกลับบ้านมา”ฉลองสงกรานต์” ในปี 2568  จนกลายเป็น”ประเด็นทางการเมือง” ให้”ฝ่ายต่อต้าน” และฝ่ายที่”เหม็นหน้า” และ”ศัตรู” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” หยิบเอาเรื่องดังกล่าวมาเป็น”ประเด็น”ทางการเมือง ที่ร้อนไปถึง” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง”รัฐมนตรียุติธรรม” ต้อง”พลอยฟ้าพลอยฝน”ถูก”กองทัพนักข่าว” ทำการ”ไล่ล่า” เพื่อให้ตอบคำถามเรื่อง”ยิ่งลักษณ์ ปิ๊กบ้าน” ว่าจะมี”ขั้นตอน” แบบเดียวกับที่”ทักษิณปิ๊กบ้าน” ด้วยการเป็น”เทวดาชั้น 14” ของ “โรงพยาบาลตำรวจ” หรือไม่    และก็ยังมีเรื่องอีก”มากมาย” สำหรับ”รัฐบาล” ที่มี”พรรคเพื่อไทย” เป็น”แกนนำ” และมี” พ่อ ลูก” เป็นผู้”บริหารประเทศ” ที่ต้อง ติดตามกันต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่ ไม่”เป็นคุณ” กับ”รัฐบาล”….

@ส่วนนี้เป็นทั้ง”ข่าวร้าย” และ”ข่าวดี” สำหรับคนไทย” ข่าวดี”คือ” คนที่อายุ 60 ปี ขึ้นไป กำลังจะได้รับการ”แจกเงิน” จาก”รัฐบาล” ตามนโยบาย” แจกเงิน”คนละ 10,000 บาท” ของ”พรรคเพื่อไทย” ที่”นายกอิ๊งค์” ประกาศว่าจะมีการแจกเงิน”รอบใหม่” สำหรับคนที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปที่”ขึ้นทะเบียน” ไว้แล้ว ซึ่ง”เงินจะถึงมือ” ผู้”มีสิทธิ์” ไม่เกิน”ตรุษจีน” หรือ”เดือนกุมภาพันธ์ 2568” ส่วน”ข่าวร้าย”คือ” คนไทย” ที่”ฐานะยากจน” ที่อายุไม่อยู่”ในเกณฑ์” ไม่อยู่ใน”ฐานะ”ของผู้ได้รับ”แจกเงิน 10,000 บาท” ในครั้งนี้ และ”ข่าวร้าย” สำหรับคนทั้งประทศคือต้องช่วยกัน”เป็นหนี้” และ”แบกหนี้” เพิ่มขึ้นจาก” นโยบายแจกเงิน” ของ”พรรคเพื่อไทย” ที่สำคัญการแจกทั้ง”รอบแรก” และ”รอบที่สอง” ไม่ได้ช่วยทำให้”เศรษฐกิจ” โดยรวมของประเทศดีขึ้น ตัวเลข”จีดีพี.” ตัวเลข”หนี้ครัวเรือน” และ”ตัวเลข” ทุกตัวที่เกี่ยวกับ”เศรษฐกิจ” ของประเทศ ยัง”เหมือนเดิม” ที่ได้มีคือ”คะแนนเสียง” ของผู้ที่ได้”รับเงิน” คนละ 10,000 บาท”ที่มีต่อ”พรรคเพื่อไทย” และอาจจะทำให้”คะแนนนิยม” ของ”พรรคเพื่อไทย” มีมากกว่า”พรรคการเมือง” อื่นๆ ในการ”เลือกตั้ง” ใน “สมัยหน้า” ซึ่ง”ช้า เร็ว” อยู่ที่”พรรคเพื่อไทย” จะมีการเดิน”สะดุดขา” ตนเอง”หกล้ม” เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น….

@พ้นจากเรื่อง”การเมือง” ที่มี”ผลกระทบ”กับคนทั้งประเทศ แล้ว วันนี้”ปัญหาของ”ประเทศไทย” ก็ยังเป็นเรื่อง” สถานการณ์”ความ”รุนแรง” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้”ที่ความ”รุนแรง” ยังไม่เคย” หยุดนิ่ง” หรือ”ลดลง” ล่าสุดเมื่อ”สัปดาห์ก่อน” แกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดน”บีอาร์เอ็น” สั่งการให้มีการ”ป่วนใต้” ใน 4  จังหวัดชายแดนภาคใต้ “ปัตตานี,ยะลา ,นราธิวาส” และ” สงขลา” ทั้งการ”วางเพลิง” การ”วางระเบิด” การ”เผายางรถยนต์” การ”พ่นสีเพื่อแสดงสัญญาลักษณ์” ด้วยคำว่า” ปาตานีเมอร์เดก้า” หรือ” เอกราชปัตตานี” และที่”รุนแรง” ที่สุดคือการใช้”เครื่องยิงระเบิด M 79 “ ยิ่งใส่”แค็มป์คนงาน”ในสถานที่”ก่อสร้าง” ที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม” ที่”สูงที่สุดในโลก” ซึ่งเป็นการ”ก่อสร้างของ”เอกชน” ในที่ดิน”ส่วนตัว” ที่ หมู่ที่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งหาก”สร้างเสร็จ” ที่ตรงนี้จะเป็น”แลนด์มาร์ค”ของการ”ท่องเที่ยว” แห่งใหม่ของ จ.สงขลา ที่มีความ”สวยงาม” และจะมี”นักท่องเที่ยว” ทั้งที่เป็น”ชาวไทย” และ”ต่างประเทศ” เดินทางมา”สักการะองค์เจ้าแม่กวนอิม” และ”ท่องเที่ยว” ชายทะเล อ.เทพา เป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน ซึ่ง “ผลประโยชน์ ก็จะตกกับ”ท้องถิ่น” และ”ประชาชน” ในพื้นที่…..

@ซึ่งนอกจากการยิงด้วย”เครื่องยิงระเบิด M 79” จำนวน 2 นัด ทำให้มี”คนงานก่อสร้าง” ได้รับ”บาดเจ็บ”จำนวน 3 รายแล้ว “ แนวร่วม” ขบวนการ”บีอาร์เอ็น” ยังมีการวาง”กับระเบิดแสวงเครื่อง” จำนวน 2 ลูก เพื่อ”สังหาร” เจ้าหน้าที่รัฐ ที่หลัง”รับแจ้งเหตุ” ต้องเข้าไป”ตรวจสอบ” พื้นที่  ทั้งหมดเป็นเรื่องที่”บีอาร์เอ็น” เป็นผู้”ปฏิบัติการ” โดยสาเหตุการการ”สั่งการ” จาก”แกนนำ” บีอาร์เอ็น” ให้”ป่วนใต้” ในคืนเดียว ทั้ง 4 จังหวัดของ “จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่มาจากความ”ไม่พอใจ” ที่”สภาความมั่นคงแห่งชาติ” ที่นำโดย”ฉัตรชัย บางชวด” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช.) นำเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งไปยัง”ประเทศสวีเดน”และ”เยอรมันนี” เพื่อร่วมประชุมกับคณะของ”หิพนี มะเระ” ซึ่งเป็น”หัวหน้าพูดคุยสันติสุข” ภายใน”ปีกทางเมือง”ของ”บีอาร์เอ็น”โดยมี”เจนีวาคอลล์” องค์กรเอ็นจีโอชาติตะวันตก เป็น”เจ้าภาพ “ ที่”บีอาร์เอ็น”ในปีก”ทหาร”ไม่เห็นด้วย” เป็นการ”ส่งสัญญาณ” ถึง”รัฐบาล”ทั้งในเรื่องให้”ยกเลิก” การ”พูดคุย”ที่”บีอาร์เอ็น” กล่าวว่า”รัฐไทย” ไม่”จริงใจ” ในการ”เจรจา” จึงทำให้การ”เจรจา” หรือที่”รัฐไทย” เรียกว่าเป็นการ”พูดคุย” ไม่มีความ”ก้าวหน้า” ทั้งที่”เจรจา”กันมาแล้วถึง 13 ปี รวมทั้งการที่”รัฐไทย” โดย”หน่วยงาน”ความมั่นคง” กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะประกาศให้” บีอาร์เอ็น” เป็น”องค์กรก่อการร้าย” หรือไม่ก็เป็น”องค์กร” ที่เป็น”อาชญากรรมข้ามชาติ” ซึ่ง”บีอาร์เอ็น”ไม่พอใจ และ”ปีกทางทหาร” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่มี”นิเซ๊ะ นิฮะ”เป็นผู้บัญชาการ จึง”สั่งการ”ให้มีการใช้”ความรุนแรง” เพื่อ”บีบบังคับ”ใน”ทางอ้อม” ให้เกิดการ”ไอ้เสือถอย” เหมือนทุกครั้งที่”ฝ่ายความมั่นคง”มีการ”ปรับเปลี่ยนแนวทาง” เพื่อ”จัดการ” กับ”บีอาร์เอ็น” ครั้งนี้จึงต้องดูว่า” เสี่ยอ้วน” หรือ” ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ “เสนาบดีกระทรวงกลาโหม” จะมี”วิธีการ” ใดในการ”จัดการ”กับปัญหาของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น” เสี่ยอ้วน” ก็ต้องฟัง”สัญญาณ”จาก “นายใหญ่” ของ”พรรคเพื่อไทย” อีกครั้ง เพราะ ณ วันนี้ “นโยบาย”การแก้ไขความรุนแรง”หรือปัญหา”ไฟใต้” ถูกกำหนดจากจาก” นายใหญ่” ไม่ใช่จาก” นายกอิ๊งค์” ดังนั้นแม้แต่ กำหนด ในการ”เยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้”ของ”นายกรัฐมนตรี”  ก็ถูก”เลื่อน” ออกไปอย่างไม่มี”กำหนด”…..

@การ”ล็อคเป้า” ก่อเหตุต่อ”เจ้าแม่กวนอิม” ที่ ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ในครั้งนี้มี”นัย” สำคัญ”แอบแฝง” อยู่ 1 “บีอาร์เอ็น” เลือก “เป้าหมาย” ที่เป็น” เจ้าแม่กวนอิม”1 เพราะต้องการ”ชี้เป้า” ให้”องค์กรต่างชาติ” เห็นว่า และ  เชื่อว่า ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้  เป็นความ”ขัดแย้ง” ในเรื่องของ”ศาสนา” ของคนในพื้นที่  “ 2 บีอาร์เอ็น” ต้องการทำลาย นโยบาย”พหุวัตรธรรม” ของการอยู่รวมกันของคนที่”ต่างศาสนา” ในพื้นที่ ซึ่งเป็น”นโยบาย”การแก้ปัญหา”ไฟใต้”ของ”รัฐบาล” และ”หน่วยงานความมั่นคง”   “3 บีอาร์เอ็น” ไม่ต้องการเห็นการพัฒนาเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ “4 บีอาร์เอ็น” ต้องการ”เอาใจ” และ”ได้ใจ”มวลชน” ในพื้นที่ซึ่งมีการ”ต่อต้าน”การสร้าง”เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่”ที่มี”เอ็นจีโอ” เป็นผู้นำ”  และ” 5 บีอาร์เอ็นสนับสนุนมวลชน” ในพื้นที่ ซึ่ง”ต่อต้านการเกิดขึ้นของ”เมืองอุตสาหกรรมจะนะ” หรือ”เมืองต้นแบบแห่งอนาคต” ซึ่งเป็นของ”เอกชน” ที่เป็นผู้ก่อสร้าง”เจ้าแม่กวนอิม” ในพื้นที่เกิดเหตุ    เพราะคนในพื้นที่เชื่อว่าการสร้าง”เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยการหันหน้าออกไป”ทางทะเล”ซึ่งเป็นที่ตั้ง”นิคมอุตสาหกรรม” เป็นการ”แก้เคล็ด” เป็นการ”ประธานพร” ให้โครงการ”นิคมอุตสาหกรรม”ที่มีการลงทุน ในโครงการดังกล่าว  600,000 ล้านประสบความสำเร็จ ดังนั้น”ลูก M 79 จำนวน 2 นัด” จึงเป็นการ”ยิงปืน 2 นัด แต่ได้”นกหลายตัว”…..

@ ส่วนหลังจากนี้ไปเป็นหน้าที่ของ” โชตินรินทร์ เกิดสม” ผวจ.สงขลา คนใหม่ ที่เดินทางมารับตำแหน่งพร้อมกับการ”วางระเบิดเจ้าแม่กวนอิม” จะต้องเป็นผู้ ดำเนินการ ร่วมกับ หน่วยงาน”ความมั่นคง” ในพื้นที่ ในการ”ป้องกันเหตุ” และ”ทำความเข้าใจ” กับ”คนในพื้นที่” รวมทั้ง”เอกชน” ผู้ทำการก่อสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิม ในการ”เดินหน้า” โครงการนี้ต่อไป หรือจะ”ยกเลิก” ก็ยังไม่รู้   อย่างไร ก็ตาม สิ่งที่”ค้างคาใจ” ของ”สังคม” และคน”ไทยพุทธ”  ที่เห็นว่าการอยู่ร่วมกันใน”สังคมพหุวัฒนธรรม” ทุก”ศาสนา”ต้องมีความ”เท่าเทียม” ดังนั้น ในการก่อสร้าง”รูปเหมือน,รูปปั้น”  หรือ”สิ่งอื่นใด ที่ใช้เป็นเครื่อง”ยึดเหนี่ยว” ทาง”จิตใจ” และ”การแสดงความ”เคารพสักการะ”ต้องไม่มีการการ”ขัดขวาง” หรือแสดงออกว่า”สามจังหวัดและสี่อำเภอของจังหวัดสงขลา” ต้องไม่มี”สิ่งนั้นสิ่งนี้” โดยลงความเห็นว่าเพราะ”สังคมส่วนใหญ่” เป็น”มุสลิม”  เรื่องนี้ต้อง กลับไปคิดกันให้”ถี่ถ้วน” ว่าเป็นการ”แสดงออก” ที่”ถูกต้อง”หรือไม่ อย่าให้เรื่องนี้เป็น”น้ำผึ้งหยดเดียว” ที่สร้างความ”แตกแยก” ให้กับคนทั้งประเทศ ที่สำคัญ”องค์กรภาคประชาสังคม” ในพื้นที่ เช่น ”เอ็นจีโอ” และกลุ่ม”สิทธิมนุษย์ชน” ที่”เคลื่อนไหว” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำไมจึง”เงียบกริบ” เหมือน”ไม่มีตัวตน” มีเพียง” ฮิวแมนไรท์วอทซ์” ที่ออกมา”ประณาม” การกระทำของ”บีอาร์เอ็น” ในครั้งนี้ …..

@และนี้ก็เป็น”เรื่องไม่เล็ก” สำหรับ”สังคม”ของคนใน”ชายแดนจังหวัดนราธิวาส” เมื่อ”ผู้ว่าราชการรัฐกลันตัน” โดย”หัวหน้าตำรวจรัฐกลันตัน” ประเทศมาเลเซีย  ใช้”กฎหมาย” คนเข้าเมือง”   สิ่งปิด”ท่าข้ามทางเรือ” 7 แห่ง” ใน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่เป็น”ท่าข้าม” ระหว่างคนในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย และคนไทย ใน จ.นราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567  ส่วนผู้ที่”ฝ่าฝืน” ทั้ง “คนไทย” และ”คนมาเลเซีย” ถ้าถูกจับกุมตาม “พรบ.คนเข้าเมือง” ของ”ประเทศมาเลเซีย ต้องมีโทษจำคุก 5 ปี แลปรับเป็นเงิน  10,000 ริงกิต หรือ 77,000 บาทไทย….สาเหตุของการ”ปิดท่าข้าม” ที่เป็น”ช่องทางธรรมชาติ” หรือ”ท่าข้ามเถื่อน” ทั้ง 7 ท่า  มาจากการที่”ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จับกุม”นักร้องขวัญใจวัยรุ่น” ของ”รัฐกลันตัน” และ”เพื่อนๆ”จำนวน 6 คน พร้อม”ยาเสพติด “ จำนวน 6,000 กว่าเม็ด ใน โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.สุไหงโก-ลก เป็นผู้ต้องหาในข้อหาเป็น”ผู้เสพ” และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ส่งเข้า”เรือนจำจังหวัดนราธิวาส” ตาม”กฎหมาย”ว่าด้วย”พรบ.ยาเสพติด”ของไทย ทำให้” ผู้ว่ารัฐกลันตัน” ประเทศมาเลเซีย”กล่าวหาว่า” ยาเสพติด” และสิ่งของ”ผิดกฎหมาย”รวมทั้งสิ่งของผิดกฎหมาย อื่นๆ ข้ามไปจากประเทศไทย โดยอาศัย”ช่องทางธรรมชาติ” หรือ”ท่าข้ามเถื่อน” จึงได้มีการ”ประกาศใช้กฎหมายคนเข้าเมือง” ในการ”ปิดท่าข้าม” ในเขตเทศบาลสุไหงโก-ลก ทั้ง 7 ท่า ….. ความเดือดร้อนจึงตกอยู่กับ”คนไทย” ด้าน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่มี”วิถีชีวิต” ในการ”ทำมาหากิน” ทั้งการ”ขับเรือรับ-ส่ง” ผู้”ข้ามฟาก ทั้ง”วินรถจยย.รับจ้าง” ที่”รับ-ส่ง” ผู้คนจาก”ท่าเรือ” เข้าไปใน”ตัวเมือง” คน”ค้าขาย” และ”กลุ่ม”ขนสินค้าเถื่อน” ซึ่ง”มาตรการ”ของ”รัฐกลันตัน” ครั้งนี้ ต้องมีผล”กระทบ”กับ”เศรษฐกิจ”การค้า” ของคน”ตัวเล็กตัวน้อย” ในพื้นที่ ไม่มากก็น้อย เป็นเรื่องที่ต้อง”ปรับตัว”ของคนในพื้นที่  ส่วนจะให้”ทางการไทย” ไป”ขอให้”รัฐกลันตัน”ทำผิด”กฎหมาย” แบบ”รัฐไทย” ที่ ปล่อยปละละเลย” ให้มีการ”เข้าเมืองผิดกฎหมาย” และปล่อยให้มี”เสรีภาพ” ในการ”ขนสินค้าเถื่อน” ที่ผิดกฎหมาย ทั้งของ”ศุลกากร,สรรพสามิต” และ” ป.วิอาญา” คงจะเป็นไปไม่ได้…..

@แต่ในส่วนของ”ขบวนการขนสินค้าเถื่อน,ขบวนการค้ายาเสพติด,ขบวนการค้าคนเถื่อน,ขบวนการค้าวัวเถื่อน” คงเป็นไปเหมือนเดิม เพราะยังมี”ท่าข้าม” อีก 200 กว่าท่า ที่ยังไม่มีการ”สั่งปิด”โดยเฉพาะใน อ.ตากใบ” ที่เพียงอำเภอเดียวมี”ท่าข้ามเถื่อน”กว่า 150 ท่าข้าม….. และการ”ปิดท่าข้าม” ทั้ง 7 แห่ง ก็ไม่ได้”ส่งผล” กับ”การก่อการร้าย”ของ”บีอาร์เอ็น” เพราะโดยปกติ” บีอาร์เอ็น “ก็ไม่ได้ใช้”ท่าข้าม” ใน “เขตเทศบาลสุไหงโก-ลก” อยู่แล้ว ดังนั้น”นัย” ที่”สำคัญ” ของการที่” ผู้ปกครองรัฐกลันตัน” ประเทศมาเลเซีย” สั่งปิดท่าข้ามเถื่อน” ทั้ง 7 ท่าข้าม เป็นการต้องการ”จัดระเบียบ”ให้คน”มาเลเซีย” เดินทาง”เข้า-ออก” ตาม”กฎหมาย”การ”เข้าเมือง” ต้องการไม่ให้”เม็ดเงิน” จาก”รัฐกลันตัน” หลั่งไหล เข้ามายัง”ฝั่งไทย” โดยอาศัยเรื่องการที่”นักร้องมาเลเซีย” ถูก”จับกุม”จากเรื่องของ”ยาเสพติด” และที่ลึกๆในทาง”การเมือง” ผู้”บริหารรัฐกลันตัน” เห็นว่า”ฝ่ายไทย” ไม่ได้ให้ความ”สำคัญ” กับ”ผู้บริหาร”ของรัฐกลันตัน” ในฐานะของ”เพื่อนบ้าน” โดยให้ความ”สำคัญกับ”รัฐบาลกลาง”ของ “มาเลเซีย” เพียงอย่างเดียว ทั้งที่”ประเทศมาเลเซีย” ปกครองในรูปแบบ”สหพันธรัฐ” ที่แต่ละรัฐมี”สุลต่าน” มี”มุขมนตรี” มี”ผู้ว่ารัฐ” มี”หัวหน้าตำรวจรัฐ” และมี”กฎหมายท้องถิ่น”ที่ไม่เหมือนกันในแต่ละรัฐ  นอกจากนี้เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา “ตำรวจรัฐกลันตัน”  ยังมีการ”เข้าแผน” กวาดล้อม”ขบวนการนำแรงงานผิดกฎหมาย” หรือ”ค้ามนุษย์” จาก”ประเทศไทย”ไปยัง”รัฐกลันตัน” ได้ผู้ต้องหาที่เป็น”คนไทย” และของกลางที่เป็น”รถตู้” และ”แรงงานเถื่อน” เพื่อดำเนินการตาม”กฎหมาย” ของ”ประเทศมาเลเซีย  ซึ่งเรื่องทั้งหมด ถ้าไม่มีการทำ”ความเข้าใจ” และ”ร่วมมือกัน” ระหว่าง”ท้องถิ่น” ทุกอย่างก็มีโอกาสที่จะ”บานปลาย” ก็ต้องถามว่า “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ซึ่งเป็น”เจ้าภาพ” ในการแก้ปัญหา”ความไม่สงบ” จะถือโอกาสที่” ผู้บริหารรัฐกลันตัน” ใช้”กฎหมาย”ในการ”ปิดท่าข้ามเถื่อน” ในส่วนของ”ท่าข้ามเถื่อน” ที่เหลือ” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” จะทำการ” ปิด” แบบเดียวกับ”มาเลเซีย” ได้หรือไม่ เรื่องนี้”พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4” มี”นโยบาย” อย่างไร…..

@มีการสอบถามมาจาก”ผู้คนในพื้นที่”ของ” จังหวัดชายแดนภาคใต้” ทั้งที่เป็น”ไทยพุทธ” และเป็น”มุสลิม” ถึงความ”คืบหน้า” ในการ”คลี่คลายคดี” การ”ปลิดชีพ”ของ”นายกอาร์ม” นายพิเซษฐ์ ไทยทองนุ่น นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลรือเสาะ” จ.นราธิวาส ที่ผ่านไปแล้ว 1 เดือน แต่ยังไม่มีความ”คืบหน้า” ในการ “จับกุมคนร้าย รวมทั้ง”สาเหตุ”ของ”คดี” ที่เกิดขึ้น” วันนี้” ตำรวจ” จึงกลายเป็น”จำเลย” ของ”สังคม” ในคดีของการ”ปลิดชีพ” ของ”นายกอาร์ม” เมื่อ”พล.ต.ท. ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี” ผบช.ภ.9 และ” พล.ต.ต. ไมตรี สันตยานุกุล” ผบก.ภ.จว. นราธิวาส ยังมัวแต่ “แบะๆๆ” ก็ต้อง”ทวงถาม”ไปยัง” พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร” ผบ.ตร.ซึ่งเป็น”เบอร์ 1 “ ของ”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยเป็นธุระ”จี้ไช” หรือ”ไขลาน”ตำรวจในพื้นที่ให้ทำงานให้มีความ”คืบหน้า”เพราะวันนี้ ไม่ใช่แต่ “คนในพื้นที่” ที่รอความ”กจะจ่าง” ของ”คดี” และรอที่จะเห็น”โฉมหน้า”ของ”คนร้าย” แต่”ครอบครัว”ของ”นายกอาร์ม” ก็”รอคอย” ความ”เป็นธรรม” จาก”ตำรวจ” เช่นเดียวกัน…..

@เรื่องของ”ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” หรือ “ศอ.บต.” ที่ วันนี้ อยู่ระหว่างการ”เตรียมการ” เพื่อการให้ได้มาซึ่ง” สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้” ภายใน 120 วัน หลังการ ยกเลิกคำสั่ง คสช. โดยมีการลงประกาศใน”ราชกิจจานุเบกษา”  สิ่งที่ต้อง”เข้าใจ”คือ” สภาที่ปรึกษาฯ” ไม่ใช่”ยาวิเศษ” ในการที่จะทำให้”การพัฒนา” และการ”แก้ปัญหา” ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่”หมักหมม” และไร้ซึ่ง”เอกภาพ” รวมทั้งการ”บูรณาการ” ที่”ไม่เป็นจริง” ถ้า”ศอ.บต.” ไม่มี”ยุทธศาสตร์” ในการ”ตอบโจทย์” ของ”ปัญหา” ที่เป็น”เนื้องาน” ของ”ศอ.บต.” อย่าง”แท้จริง” การมี”สภาที่ปรึกษา” เพียงอย่างเดียว ก็ไม่สร้างทำให้งานของ”ศอ.บต.” มีความ”สำเร็จ” ผู้ที่เป็น”เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” คือ”คีย์แมน” ที่ สำคัญที่จะเป็นผู้นำความ”สำเร็จ” ให้เกิดขึ้นกับ จังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งต้องมีการ”ทบทวน” ว่า ตั้งแต่ “พ.ต.ท.วรรณพงศ์ คชรักษ์” มารับตำแหน่ง” เลขาธิการ ศอ.บต. ย่างเข้าปีที่ 2 มีความ”เปลี่ยนแปลง” อะไรกับ”ศอ.บต.” และกับ”พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” หรือไม่ อย่างไร ต้องย้อนไปดูว่าปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ใน”มิติ”ของ”ศอ.บต.” มี อะไรบ้าง และมี”ปัญหา” มี”อุปสรรค” ตรงไหน ทำไม่ “ศอ.บต. ในยุคนี้จึงเป็นหน่วยงานที่”ไม่ตอบโจทย์” การ”พัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้” ในทุก”มิติ” เรื่องนี้ “ศอ.บต. ต้อง”ตั้งหลัก” เพื่อการ”ขับเคลื่อน” การ”พัฒนา” อย่างมี”ยุทธศาสตร์”…..

@ปัญหาของ”ศอ.บต. “ คืนการทำงานแบบการ”บูรณาการ” กับ”ฝ่าย”ปกครอง” หรือ”ผู้ว่าราชการจังหวัด “ ใน”ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็น”ด้านหลัก” แต่ วันนี้ ตำแหน่ง”รองเลขาธิการ” ทั้ง 4 คนของ “ศอ.บต.” ไม่มี”ตัวแทน” ที่เป็นคนของ”กรมการปกครอง” แม้แต่คนเดียว ที่มีการ”โยกย้าย” มาเป็น”รองเลขาธิการ ศอ.บต.” มีจาก” สภาความมั่นคง” มาจาก”ดีเอสไอ” มาจาก” ปปส.” ทั้งที่เรื่องของ “ดีเอสไอ” และ” ปปส.” ก็ไม่ใช้งาน”ด้านหลัก” ของ”ศอ.บต.” ดังนั้นการ”ประสานงาน” เพื่อ”บูรณาการ” กับ”ฝ่ายปกครอง” ของ”ศอ.บต.” จึงมีปัญหา และมี”ช่องว่าง”ในเรื่อง”วัฒนธรรมองค์กร” โดย”ข้อเท็จจริง” หาก”รัฐบาล” ยังคิดที่จะใช้ ” ศอ.บต. “ เป็น”กลไก” ในการแก้ปัญหาใน”มิติ” ของงานที่”ศอ.บต. “ รับผิดชอบ ควรจะ”พิจารณา” ให้ “ศอ.บต.”ไปขึ้นกับ”กระทรวงมหาดไทย” แทนที่จะ”ขึ้นตรง” กับ” สำนักนายกรัฐมนตรี” อย่างในปัจจุบัน” และ”เลขาธิการ ศอ.บต.” ต้องมาจาก” กระทรวงมหาดไทย”  นี่เป็น”การบ้าน” ที่ต้องการ”สื่อ” ไปยัง” รัฐบาล” หากต้องการใช้”ศอ.บต.”สามารถ”ตอบโจทย์”ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้”  และทำให้”ศอ.บต.เป็น องค์กรที่มี”ประสิทธิภาพ” อย่างแท้จริง…..วันก่อน “พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรัตน์” เลขาธิการ ศอ.บต. เพิ่งจะ”แถลงข่าว” เรื่อง”ความเชื่อมั่น” ของประชาชน ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่” ดีขึ้น”  แต่หลังจากนั้นเพียง 2 วัน” บีอาร์เอ็น” ก็”สั่งการ”ให้มีการ”ป่วนใต้” ครั้งใหญ่ รวมทั้งการ”ยิงทำลาย” ที่พักคนงานในการก่อสร้าง” เจ้าแม่กวนอิม” ที่ อ.เทพา จ.สงขลา ด้วย วันนี้”ความเชื่อมั่น” ใน “จังหวัดชายแดนภาคใต้” คงจะ”ตกต่ำ” ลงไปอีกครั้ง    เชื่อ เถอะ   เรื่องของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ถ้าต้องการ”สร้างความเชื่อมั่น” หมายถึงต้อง”ยุติการก่อการร้าย” ให้ได้เท่านั้น…..

@หลัง”คาราคาซัง” มานาน ในเรื่องของ”การทิ้งงาน” การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินจังหวัดตรัง งบประมาณ 1.2 พันล้าน วันนี้”อธิบดีกรมท่าอาการยาน” แจ้งบอกเลิกสัญญากับ “บริษัทผู้รับเหมา” แล้ว หลัง “ปปช. เข้ายื่นหนังสือ”ร้องเรียน” กับ”มนพร เจริญศรี” รมช.ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ส่วนความ”เสียหาย” ที่เกิดขึ้นก็ต้อง”ไล่เบี้ย”กับ”ผู้รับเหมา” ส่วนจะได้หรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อไป….

@บรรทัดนี้ ขอแสดงความยินดีกับ” พจท. อนันต์ บุญสำราญ” อดีต รอง ผวจ.ยะลา  ที่มีคำสั่งจาก”กรมการปกครอง”ให้ไปทำหน้าที่ รอง ผวจ.ตรัง คนดี มีฝีมือ คงจะทำให้ จ.ตรัง มีการ พัฒนา ในหลายๆด้าน และ แสดงความยินดีกับ” พล.ต.ต. นิตินัย หลังยาหน่าย” รอง ผบช.ภ. 9 ที่ได้”ขยับ”ไป”กินตำแหน่ง” ผบช. ตชด.” และ” พล.ต.ต. ปราบพาล มีมงคล” ที่”ขยับ”ไปติดยศ” พล.ต.ท.” ในตำแหน่ง ผบช. ประจำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ…..

@หน้า “มรสุม” ของ”ภาคใต้ฝั่งตะวันออก” หลายจังหวัดอยู่ใน”ภาวะ”ของ”ความเสี่ยง” กับเรื่อง”อุทกภัย” ที่ จ.พัทลุง” มีการประกาศ”เขตภัยพิบัติ” แล้วในหลายพื้นที่ ส่วนที่ จ.นราธิวาส “ทหาร” จาก” ฉก.ต่างๆ ในพื้นที่ มีการเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชน ที่”นักการเมือง” บางพรรค ชอบถามว่า”มีทหารไว้ทำอะไร”  ก็ให้เดินทางลงพื้นที่บ้างจะได้เห็นว่า”ทหารมีไว้ทำอะไร” ส่วนในพื้นที่”ภาคใต้ฝั่งตะวันตก” ห้วงนี้เป็นช่วง”เทศกาล การท่องเที่ยว” แต่ ก็ไม่ควรประมาท เพราะช่วงหลังๆ มีเหตุการณ์” เรือที่บรรทุกนักท่องเที่ยว” ไปยัง”เกาะแก่ง” ต่างๆ  ทั้งใน” ภูเก็ต” ใน”กระบี่” เกิดเหตุ “เรือล่ม” และ”ไฟไหม้” บ่อยครั้ง เจ้าหน้าที่หน่วยไหน”รับผิดชอบ” ต้อง”เข้มงวด”  ตรวจสอบความพร้อมของเรือ” และ”อุปกรณ์ช่วยชีวิต” ให้มี”ความพร้อม” โดยเฉพาะเรื่องของ” พนักงาน”ที่ทำหน้าที่”ควบคุมเรือ” ต้องไม่”มักง่าย” ไม่”ประมาท” และไม่”เห็นแก่รายได้” จนลืมความ”ปลอดภัย” ของ”นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผู้โดยสาร เพราะกลุ่มคนที่”ทำลายการท่องเที่ยว” ของประเทศไทยมีเพียง 2 กลุ่ม “ หนึ่งเจ้าของกิจการ” และสองคือ”เจ้าหน้าที่รัฐ ที่”หย่อนยาน” ในการ”ปฏิบัติหน้าที่” และ”เห็นแก่ประโยชน์” หรือ”ส่วย” ที่มีการ”หยิบยื่น” จาก”เจ้าของธุรกิจ” ที่”ทำผิดกฎหมาย” เป็นเรื่องนี้  เสนาบดีท่องเที่ยวและกีฬา” ต้อง”ใส่ใจ”ให้มาก เพราะ”อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” คือ”เครื่องจักรเครื่องเดียว” ณ วันนี้ที่ยัง”ขับเคลื่อน” และนำ”เม็ดเงิน” เข้าประเทศ….แล้วพบกันใหม่ วันศุกร์หน้า สวัสดี ครับ

ไชยยงค์ มณีพิลึก

—————————————————————–

ผู้พลีชีพ,   พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 เป็นประธานในพิธีอัญเชิญน้ำหลวงอาบศพ แก่ อส,ทพ.เปลี่ยน ศิริสุข  สังกัดกองร้อยทหาพราน 4104 ที่เสียชีวิตในการปะทะกับกองกำลังติดอาวุธ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนใน อ,บันนังสตา ณ วัดสุวรรณากร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

เยี่ยมสร้างขวัญฯ. นพ.สมหมาย บุญเลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นตัวแทน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต.นำคณะเข้าเยี่ยม สมพร นามเขียว ที่ได้รับบาดเจ็บจากการที่ กองกำลังติดอาวุธขบวนการแบ่งแยกดินแดน ยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่บ้านพักคนงาน ที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม ที่ ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ณ รพ,สงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ช่วยเหลือประชาชน,   เจ้าหน้าที่ทหาร ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ออกไปช่วยเหลือ เคลื่อนย้าย ประชาชน ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และ ขนย้ายข้าวของ หนีน้ำท่วม ให้มาอาศัยในที่ปลอดภัย โดยน้ำท่วมใน จ.นราธิวาสครั้งนี้จำนวนหลายอำเภอ มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก

สื่อสารสร้างความเข้าใจ.   วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.30 นาฬิกา มีการประชุมคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ วุฒิสภา ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CA 427 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) โดยมี พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานกรรมการ เป็นประธานในการประชุม

จับสลาก.  ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) จัดพิธีจับสลากหาผู้ได้รับรางวัลแพ็กเกจเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2567 จำนวน 45 รางวัล พร้อมเพิ่มจำนวนรางวัลผลิตภัณฑ์เงินฝากอัลฮัจย์และอุมเราะห์ เป็น 50 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 8.8 ล้านบาท ในปี 2568 โดยได้รับเกียรติจาก สุไลมาน บือแนปีแน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยะลา เขต 1 ผู้แทนประธานรัฐสภา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.แวดีอราแม มะมิงจิ ประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต.  ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา

เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัด.   ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล วุฒิสมาชิกรัฐสภา และนายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย นำคณะสื่อมวลชนจากประเทศจีน นำโดย หลี่ เจียนหมิน ผอ.ฝ่ายข่าว เข้าพบ ไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง ในโอการเดินทางไปศึกษาดูงานยัง จ.ระยอง ณ ห้องรับรองศาลากลางจังหวัด

ตรวจราชการ.  ณ บริเวณหอนาฬิกา ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง รื่นวดี สุวรรณมงคล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 6 ประธานกรรมการธรรมาภิบาล จ.ตรัง ลงพื้นที่สอดส่องโครงการจัตุรัสเมืองตรัง (ตรังสแควร์) ระยะที่ 1 ซึ่งมีการแก้แบบ และแก้สัญญา โดยโยธาธิการจังหวัดฯ ได้แจ้งรายละเอียดในการแก้แบบ และแก้สัญญาในครั้งนี้ให้รับทราบ

แถลงข่าว.   ณ ห้องนครา บอลรูม 1 โรงแรมเรือรัษฎา อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ทรงกลด สว่างวงศ์ ผวจ.ตรัง เป็นประธานแถลงข่าว การจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาดจังหวัดตรัง ประจำปี 2567 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 15 ธันวาคม 2567 ณ ลานวัฒนธรรม (สนามกีฬาทุ่งแจ้ง) ต.บางรัก อ.เมืองตรัง

ถอดบทเรียน.  ณ ห้องประชุมนครินทร์ ชั้น 1 โรงแรมเรือรัษฎา จังหวัดตรัง บัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วยกลุ่มงานป้องกันการทุจริต จัดประชุมถอดบทเรียนการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษากับ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรัง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง กระบี่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง.เขต1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดตรัง ในการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ในแต่ละเขตพื้นที่ให้บรรลุเป้าหมายเป็นไปตามแผน

รับมือน้ำท่วม.  อับดุลราชิ ลอแม ปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ พร้อมด้วย แวหะมะกูซี อีปง ประธานสภาเทศบาล ,คมกฤษ อมราพิทักษ์ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย,สุพัฒน์ สุวรรณมณี ผู้อำนวยการกองสวัสดิการ ,ชลธิรา เทพพรหม นักพัฒนาชุมชนชำนาญการ และเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 บ้านท่าเรือ และคณะกรรมการชุมชนท่าเรือ ลงพื้นที่ทำประชาคม เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วม ณ ชุมชนท่าเรือ ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

มอบรางวัล.  ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผวจ,นราธิวาส เป็นประธานพิธีมอบรางวัลการคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร สถาบันเกษตรกร และองค์กรเกษตรกรดีเด่น ระดับเขตและระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2567 ได้รับรางวัล จำนวน 4 ประเภท สำหรับ รางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม รางวัลชนะเลิศ ระดับเขต และได้รับรางวัลชมเชย ระดับประเทศ การได้รับรางวัลในครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติประวัติแก่เกษตรกร และสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ อีกด้วยณ ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส แห่งที่ 2

พบปะ.   วันสุกรี แวมามะ นายอำเภอเมืองปัตตานี พร้อมด้วย นายอาลีฟ บือราเฮ็ง ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำตำบลปะกาฮะรัง และทีมงาน ลงพื้นที่พบปะและร่วมละหมาดวันศุกร์ พร้อมมอบคัมภีร์อัลกุรอาน เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้นำศาสนาและพี่น้องประชาชนและเป็นการสานสัมพันธ์ที่ดีและส่งต่อให้กับประชาชนผู้สนใจในหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม ในการนี้ได้แจ้งข่าวสารให้เฝ้าระวังติดตามข่าวสารสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด และได้ลงพื้นที่สำรวจปริมาณระดับน้ำในพื้นที่ ทั้งนี้ได้มี ณ มัสยิดฮีดายาตุลอิสลามมียะห์ ต.ปะกาฮะรัง อ.เมือง จ.ปัตตานี

เยี่ยมกำลังพล.   มูฮัมมัด ศานติภิมุข รอง ผวจ.ยะลา พร้อมด้วย นายไพสิฐ ทองเจิม ปลัดอาวุโสอำเภอเมือง ลงพื้นที่เยี่ยมกำลังพล เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและรับฟังปัญหานการปฏิบัติหน้าที่ของ อส.และ ทสปช. ณ จุดตรวจเขตเทศบาลนครยะลา

ติดตามผล,   โอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา ในฐานะกรรมการและเลขานุการ กรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจำจังหวัดยะลา พร้อมด้วย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนนายอำเภอรามัน ร่วมลงพื้นที่ในการเยี่ยมติดตามผลนักเรียนทุนพระราชทาน เพื่อการศึกษาสงเคราะห์ พร้อมมอบสิ่งของพระราชทาน จำนวน 2 ราย ในพื้นที่ ต.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา

เปิกการแข่งขัน,   มุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา เปิดการแข่งขัน” การแข่งขันกีฬาสแต็คชิงแชมป์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2567 (WSSA 2024 The Southern Thailand Stacking Challenge) ระหว่าง 23-24 พฤศจิกายน 2567 ชิงถ้วยของประธานรัฐสภา (อ.วันมูหะมัดนอร์ มะทา) พร้อมด้วยสมาชิกสภา อบจ.ยะลา ผู้บริหารโรงเรียน คณะครู โค๊ช ผู้ปกครอง รวมทั้ง คณะนักกีฬาจากโรงเรียนต่างๆ เข้าร่วมกว่า 300 คน

ศึกษาดูงาน.   มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ศึกษาดูงาน และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ (MoU) กับ Universiti Sultan Zainal Abidin ณ ประเทศมาเลเซีย หวังนำองค์ความรู้ยกระดับเศรษฐกิจเมืองชายแดนใต้ ผู้บริหาร และคณะทำงานศูนย์การเรียนรู้แม่ลาน และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เดินทางศึกษาดูงานและสร้างเครือข่ายความร่วมมือ (MoU) กับ Universiti Sultan Zainal Abidin (UniSZa)  โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิรันดิ์เกียรติ ลิ่วคุณูปการ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาชุมชท้องถิ่น

เงินขวัญถุง.  ขนบ แท่นประมูล. นายก อบต.คลองรีได้ร่วมพิธีเฉลิมฉลองเงินขวัญถุงพระราชทาน กองทุนแม่ของแผ่นดิน ณ บ้านจาก หมู่ที่ 4 ตำบลคลองรี อ.สทิงพระ จ.สงขลา

สมรัก-สมรส.  โยธิน ทองเนื้อแข็ง. สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาร่วมแสดงความยินดีงานฉลองมงคลสมรสลูกชาย สมใจ ศรีสงค์ นายก. อบต.ปากระวะ อ.ระโนด จ.สงขลา  ณโรงแรมสงขลาลากูน่า ต.พะวง. อ.เมือง จ.สงขลา

มอบทุนการศึกษา.  สุรชาติ ต้นจันทร์ ผู้จัดการส่วนคลังปิโตรเลียมสงขลา  เป็นผู้แทนมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีผลการศึกษาดี แต่   ขาดแคลนทุนทรัพย์ ในเขตพื้นที่รอบสถานปฎิบัติการ (คลังปิโตรเลียมสงขลา) จำนวน 11 โรงเรียน  ตั้งแต่ระดับชั้นประถมถึงมัธยมศึกษา รวมทั้งสิ้น 55 ทุน ณ คลังปิโตรเลียมสงขลา จ.สงขลา