ฟินแลนด์ต้องการส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อให้เป็น “ทักษะของพลเมือง” โดยสอนประชาชนให้รู้จักวิธีจัดการกับเนื้อหาสื่ออย่างมีวิจารณญาณ เพื่อลบล้างเรื่องหลอกลวง ข้อมูลเท็จ และข้อมูลบิดเบือน รวมถึงผลิตเนื้อหาของตนเอง
ทั้งนี้ ฟินแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ของยุโรป ที่กำหนดนโยบายระดับชาติสำหรับการรู้เท่าทันสื่อ เมื่อปี 2556 และได้รับการปรับปรุงแก้ไขในปี 2562 ซึ่งนโยบายดังกล่าวช่วยรับรองว่า การรู้เท่าทันสื่อจะถูกบูรณาการเข้ากับวิชาต่าง ๆ ในการศึกษาทุกระดับ ตั้งแต่ปฐมวัย ไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย
ขณะเดียวกัน ห้องสมุดและองค์กรอิสระ (เอ็นจีโอ) ก็เปิดสอนหลักสูตรต่าง ๆ เพื่อเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อ ในกลุ่มผู้ใหญ่และผู้สูงอายุด้วย
“การรู้เท่าทันสื่อ มีความสำคัญต่อการสร้างความยืดหยุ่นทางสังคม และฟินแลนด์ตระหนักถึงเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ” นายแอนเดอร์ส แอดเลอร์ครูตซ์ รมว.ศึกษาธิการฟินแลนด์ กล่าว “เนื่องจากสื่อแบบดั้งเดิม มีส่วนรับผิดชอบต่อข้อมูลที่เราได้รับน้อยลงเรื่อย ๆ มันจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่จะสามารถประเมินสิ่งที่คุณอ่านอย่างมีวิจารณญาณ”
แอดเลอร์ครูตซ์ ระบุเพิ่มเติมว่า แนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างหลายภาคส่วน ช่วยอธิบายถึงความสำเร็จของฟินแลนด์ ในการส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อ ในหมู่ประชากร 5.5 ล้านคน
ด้านนายลีโอ เปกกาลา รองผู้อำนวยการสถาบันโสตทัศน์แห่งชาติของฟินแลนด์ (คาวี) ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินนโยบายการรู้เท่าทันสื่อของประเทศ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังขึ้นอยู่กับความไว้วางใจที่ชาวฟินแลนด์มีต่อสถาบันทางสังคม กองกำลังป้องกันประเทศ กองทัพ ตำรวจ และรัฐบาล ตลอดจนนักการเมืองและสื่อ
อย่างไรก็ตาม การมีพรมแดนยาว 1,340 กิโลเมตร ติดกับรัสเซีย และการเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ทำให้ฟินแลนด์ไม่สามารถหลีกหนี อิทธิพลของแคมเปญเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนได้ ซึ่งแอดเลอร์ครูตซ์ กล่าวเตือนว่า เขาไม่แน่ใจว่า ชาวฟินแลนด์ถูกทดสอบอย่างเต็มที่ในกรณีเช่นนี้แล้วหรือยัง
ขณะที่นักเรียนในฟินแลนด์กล่าวว่า ระบบการศึกษาของประเทศ ช่วยเสริมทักษะให้พวกเขาสามารถจับผิดข้อมูลที่น่าสงสัยทางออนไลน์ วิเคราะห์เนื้อหาอย่างมีวิจารณญาณ และตรวจสอบแหล่งที่มาซึ่งพวกเขาพบเจอบนเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เช่น ติ๊กต็อก, สแนปแชต และอินสตาแกรม
แม้การศึกษาจะพัฒนา และปรับตัวให้เข้ากับภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และการกำเนิดของเทคโนโลยีดิจิทัล แต่เป้าหมายหลักอย่างการสอนการคิดวิเคราะห์ ยังคงมีอยู่ต่อไป
อนึ่ง ความท้าทายที่สำคัญในขณะนี้ คือ การทำให้พลเมืองทุกคนตามทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกดิจิทัล รวมถึงประชากรสูงอายุของประเทศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งพวกเขาอาจไม่เคยเรียนรู้วิธีการจับผิดข่าวปลอมบนอินเทอร์เน็ต.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP