นายสตีเฟน ไมแรน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ (ซีอีเอ) ประจำทำเนียบขาว สรุปแนวคิดของเขาในบทความยาว 41 หน้าที่มีชื่อว่า “คู่มือสำหรับผู้ใช้ในการปรับโครงสร้างระบบการค้าโลก” ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง และได้รับความสนใจในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเนื้อหาที่เน้นเรื่องภาษี และเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า
นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า บทความดังกล่าวให้ “เหตุผลทางปัญญา” กับสงครามการค้าของทรัมป์ ซึ่งสำหรับไมแรน ภาษีและการทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า อาจส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุด เมื่อเทียบกับนโยบายใด ๆ ในรอบหลายสิบปี รวมถึงปรับเปลี่ยนระบบการค้าและการเงินของโลกไปอย่างสิ้นเชิง
บทความของไมแรนให้เหตุผลว่า เงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ทำให้การส่งออกของสหรัฐแข่งขันได้น้อยลง และการนำเข้าถูกลง ตลอดจนทำให้ผู้ผลิตของสหรัฐเสียเปรียบ เนื่องจากมันทำให้พวกเขาไม่อยากลงทุนสร้างโรงงานในประเทศ
“ความไม่พอใจอย่างลึกซึ้งต่อระเบียบเศรษฐกิจในปัจจุบัน มีรากฐานมาจากการประเมินค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่สูงเกินจริงอย่างต่อเนื่อง และเงื่อนไขการค้าที่ไม่สมดุล” ไมแรน ระบุในบทความ
โดยปกติแล้ว ดอลลาร์สหรัฐเป็น “สกุลเงินปลอดภัย” สำหรับนักลงทุนจำนวนมาก ในกรณีที่เกิดสงครามหรือวิกฤติ แต่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของทรัมป์
อนึ่ง ไมแรนเรียกร้องให้มีการจัดทำข้อตกลงที่คล้ายคลึงกับ “พลาซา แอกคอร์ด” หรือข้อตกลงพลาซา ฉบับปี 2528 ระหว่างสหรัฐ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนีตะวันตก และญี่ปุ่น ซึ่งทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐที่มีมูลค่าสูงมากในเวลานั้นอ่อนค่าลง เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐ
“ประธานาธิบดีทรัมป์มองว่า ภาษีเป็นปัจจัยสำคัญในการเจรจาเพื่อทำข้อตกลง ซึ่งมันจินจนาการได้ง่ายขึ้นว่า หลังการดำเนินมาตรการภาษีเชิงลงโทษชุดหนึ่ง คู่ค้าอย่างยุโรป และจีน จะยอมรับข้อตกลงสกุลเงินรูปแบบหนึ่งมากขึ้น เพื่อแลกกับการลดภาษี” ไมแรน กล่าวเพิ่มเติม
แม้ข้อเสนออีกประการหนึ่งของไมแรน คือ การแลกเปลี่ยนพันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐที่เจ้าหนี้ถืออยู่ แต่นางวิกกี เรดวูด ที่ปรึกษาเศรษฐกิจอาวุโส จากบริษัท แคปิตอล อีคอนอมิกส์ ในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า การบังคับให้ผู้ให้กู้ในสหรัฐแลกเปลี่ยนพันธบัตร จะเท่ากับเป็น “การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐโดยพฤตินัย”
ด้านนายเอริก มอนเนต์ ศาสตราจารย์จากโรงเรียนเศรษฐศาสตร์ปารีส กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเนื้อหาของสัญญา เพราะถ้าสหรัฐสามารถทำให้ประเทศอื่น ๆ เห็นชอบได้ สหรัฐก็จะสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย โดยไม่มีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่วิพากษ์วิจารณ์แนวคิดของไมแรน เช่นเดียวกับเรดวูดที่กล่าวว่า หากสหรัฐต้องลดการขาดดุลการค้าจริง ๆ มันก็มีวิธีการที่ดีกว่านี้ พร้อมกับชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของอัตราการกู้ยืมของสหรัฐที่พุ่งสูงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณของความกังวลที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES