1.พัฒนาการ และ ติกิตาก้า

ตรงนี้เป็นไปตามที่หวัง เพราะเรามีเวลาเตรียมตัวก่อนประเดิมนัดแรก เพียงแค่ไม่กี่วัน แถมรุ่นใหญ่อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ ธีราทร บุญมาทัน ก็ทยอยกันมา ดังนั้นเกมแรกกับ ติมอร์เลสเต ที่เคยยิง 7 กับ 8 ลูก จึงออกอาการฝืดๆ รุกแบบติดๆ ขัดๆ อึดอัดใจ

เป็นเรื่องปกติของฟุตบอลนัดแรก และการเพิ่งรวมตัวกัน ส่วนจะมาเปรียบเทียบว่า ฟิลิปินส์ ยังยิงติมอร์ 7-0 ถือว่าต่างกรรม ต่างวาระ ติมอร์ โดนนวดมา 2 นัด จิตใจ เรี่ยวแรง อาจถดถอย

การเข้ามาเติมเต็มของ ชนาธิป, ธีราทร ในนัดกับ เมียนมา รวมกับการใส่ “กัน-ธนวัฒน์” ลงตัวจริงทันที พร้อมกับใช้ ศุภชัย ใจเด็ด กับ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าคู่กันไปเลย ส่วนแบ๊กขวา เป็น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม นี่แทบจะเป็นขุนพลในฝันของแฟนบอลไทย ในยุคระเบิดระเบ้อ โดยมีดาวรุ่ง ธนวัฒน์ หรือแม้แต่ ศุภชัย, สุภโชค สารชาติ มาเสริม และมีความแข็งแกร่งในแดนกลางจาก พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล มาขันน้อต

แน่นอน ในเกมกับเมียนมา มันยังไม่ใช่สมบูรณ์แบบ มีติดๆ ขัดๆ ในเกมรุกอยู่บ้าง แต่ถือว่ามาในทิศทางที่ดี

อีกอย่างที่น่าเพลิดเพลิน คือ สไตล์ ติกิ-ตาก้า ที่ยุคหนึ่งเคยเกิดกับทีมชาติไทย สมัย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คุมทัพ เหมือนจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อขุนพลชุดนั้นต่างมาร่วมทีมพร้อมหน้า
ตอนนี้อาจไม่โป๊ะเชะเด็ดขาด แต่จากนี้ไปพัฒนาการย่อมเกิดขึ้น เมื่อมีเวลาร่วมกันมากขึ้น

2.หลังบ้านยังน่าหวาดเสียว

ในขณะที่เกมรุกของทีมชาติไทย เริ่มไปในทิศทางที่ดี แต่เกมรับก็ดูเหมือนยังน่าหวาดเสียว สภาพที่เราครองบอลแทบจะฝ่ายเดียว สถิติขึ้นไป 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ปล่อยให้ เมียนมา มีโอกาส

“บอย” ฉัตรชัย บุตรพรหม นายประตูจอมฝันดี มีโควตาเหวอ ขณะที่แผงกองหลังจังหวะสมาธิหลุดก็ยังมีเช่นกัน

ตรงนี้อาจเพราะการเพิ่งมาเข้าคู่กันของ มานูเอล ทอม เบียรห์ กับ กฤษดา กาแมน ที่ถูกถอยมาจากแดนกลาง การสื่อสารต้องจูนกันอีก

อีกอย่างคือ สไตล์เกมรุก เดินหน้าฆ่ามันของ มาโน โพลกิง ถอยหลังเป็นหกล้ม ทำให้หลังบ้านเปิด เช่นเดียวกับสมัยที่เขาทำ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

ก็อาจเป็นราคาที่ต้องจ่าย หากอยากเกมรุกล้างผลาญ ก็ต้องมีมูลค่าความเสี่ยงเช่นกัน

3.ทีมที่ใช่แล้วหรือยัง

ค่อนข้างชอบกับไลน์อัพ ทีมชุดที่เจอกับ เมียนมา ชอบการผสมผสาน การเล่นด้วยกันในแดนกลาง โดยเฉพาะ “กัน-ธนวัฒน์” กับฟุตบอลง่ายๆ มองก่อน คิดก่อน ไม่ฝืนธรรมชาติ รู้สึกว่ากลมกล่อมเมื่อมาเข้ากับ ชนาธิป สรงกระสินธ์

เกมรุก แน่นอนว่า ธีรศิลป์ แดงดา คือหัวหมู่ทะลวงฟัน ยิงทาบตำนานอาเซียนแล้ว อาจมีช่วงซึมบ้าง อะไรบ้าง แต่ประสบการณ์ ประโยชน์ใช้งานเหนือชั้น ส่วนอีกคนที่เข้าคู่ “อาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด แม้ยังไม่เปรี้ยงปร้าง แต่ไม่ได้แย่ ต้องให้โอกาสกันต่อไป หรือจะมองไปอีกคน “กอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร ก็พร้อมสร้างความแตกต่าง ไล่ไปถึง สุภโชค สารชาติ ที่ยิง 2 นัดซ้อน, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ กองหนุนชั้นดี สไตล์ต่างกันไป

แผงหลัง แบ๊กซ้าย-ขวา ไม่ต้องพูดถึง ธีราทร-นฤบดินทร์ ปึ้กอยู่แล้ว จะมีเสียวๆ ตรงเซ็นเตอร์เท่านั้น

โดยรวมแล้ว ชุดกับเมียนมา ถือว่าสวยงามเลยทีเดียว เชื่อว่านี่คือร่างที่แท้จริงของ ช้างศึก ในทัวร์นาเมนท์นี้ ที่ มาโน โพลกิง คงยึดเป็นแกน อาจยืดหยุ่นตามแท็คติก และการเซฟนักเตะ

4.ทีมสปิริต

ตอนนี้ทีมชาติไทย ค่อนข้างเต็มทัพแล้ว ฟิลิป โรลเลอร์ เข้าแคมป์ จะมีก็ โจนาธาน เข็มดี ที่ถอนตัวไป กับ “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่มาทำธุระกับทางครอบครัวที่ไทย

สิ่งที่สัมผัสจากช่องทางต่างๆ ความรู้สึกของทีมสปิริต ความสมัครสมานกลมเกลียวของ ช้างศึก ถือว่าแน่นแฟ้นมาก ยิ่งการได้ ชนาธิป มาเสริมทัพ เขาเหมือนเป็นทุกอย่างของทีม ทำให้บรรยากาศยิ่งดีขึ้นมาก ด้วยบุคลิกหลายอย่างในคนเดียว ตัวฮา, ขี้แกล้ง, เป็นผู้นำ และเก่ง สามารถฝากความหวังในสนามได้ มาถึงตรงนี้จึงคิดว่าเหมาะสมแล้วที่ได้ปลอกแขนกัปตันทีม

ทัวร์นาเมนท์ยาวๆ สปิริตทีมเป็นสิ่งสำคัญ เราก็ไม่รู้ว่า โจนาธาน ถอนตัวไป ด้วยเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร แต่บอกตรงๆว่า สาเหตุที่ทีมแถลงว่ามีอาการปวดท้อง ท้องผูก กรดไหลย้อน มันไม่สมเหตุสมผล ที่หมอไทย หมอสิงคโปร์ ก็ช่วยไม่ได้ ต้องบินไปหาหมอเดนมาร์ก

กระแสที่ออกมาตามโลกโซเชียล ไม่มีอะไรยืนยันได้ แต่หากมีเรื่องที่ทำให้บรรยากาศทีมต้องแกว่งไป ในสงครามที่อีกยาวนาน การตัดไฟแต่ต้นลม ก็เป็นทางเลือกที่ดี

5.แชมป์เลยไหม

เส้นทางยังอีกยาวไกล แต่ขอบอกว่า เส้นทางช่างเอื้อให้ทีมชาติไทยเหลือเกิน

ในสภาพเตรียมทีมไม่พร้อม เราได้เปิดกับทีมอ่อนสุดในกลุ่ม แล้วไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้มีโอกาสจูนทัพ มีโอกาสรอขุนพลหลัก

ถ้าเป็นไปตามวิถี ทีมไทยจะลงตัวขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ได้ซ้อมร่วมกัน

รอบแรกกับ ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ จะยากขึ้นอีก แต่ขุมกำลังชุดนี้ ยังไงก็เหนือกว่า (นอกจากเจออิทธิฤทธิ์กรรมการ)

จากนั้น รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ จะเจอใคร เวียดนาม, มาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย ก็ไปว่ากัน บอล 2 นัด ในแต่ละรอบ ก็ถือว่าได้-เสีย มีโอกาสแก้ตัว

ถ้าเอาแบบเขียนพล็อตเรื่องมา รอบรองฯ ไทยไปแก้มือกับ มาเลเซีย ที่เราเสียท่าทั้ง 2 นัดในคัดบอลโลก และโดนเขี่ยตกรอบรองฯ หนก่อน

จากนั้นรอบชิงชนะเลิศ ไปแตกหักกับ เวียดนาม ชิงเจ้าอาเซียนกลับคืนมา

หลายคนอาจบอกว่า เพิ่งเตะแค่ 2 นัด ฟอร์มแค่นี้ ไปสู้กับ เวียดนาม ที่ช่วง 1-2 ปี หลังแกร่งมาก …จะไหวเหรอ

ฟุตบอลมีวงจรของมัน ดาวทอง แกร่งจริง แต่มีความรู้สึกว่า ช่วงพีกของ ลูกทีมปาร์คฮังซอ ผ่านไปแล้วตั้งแต่จบคัดบอลโลก รอบ 2 ที่ได้แชมป์กลุ่ม

ขณะที่ ทีมชาติไทย เหมือนกำลังชาร์จพลังสู่ขาขึ้น

กับช่วงเวลาการเตรียมตัวแบบกำลังดี ถ้าเจอกันในสภาพเต็มๆ แบบนี้เชื่อว่า ช้างศึก ไม่เป็นรอง

แชมป์-ไม่แชมป์ ยังมีหลายปัจจัย แต่ดูภาพตอนนี้ มันช่างชี้เป้าไปสู่ความสำเร็จในบั้นปลายอย่างยิ่ง.

*** วุฒินล ***