รู้ก่อนดู Scream หวีดสุดขีด
หากใครที่เป็นแฟนหนังแนวสยองขวัญแบบ ฆาตกรโรคจิต ถือมีดไล่เสียบอก ปาดคอ ชาวบ้านไปทั่ว คงต้องคิดถึงหนังเรื่อง Scream เป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งหนังเรื่องนี้เคยทำออกมาแล้วทั้งหมด 4 ภาคด้วยกัน ตัวละครหลักจะประกอบไปด้วย 1. “ซิดนีย์ เพรสคอตต์” (รับบทโดย เนฟ แคมป์เบิล) หญิงสาวที่กลายเป็นเป้าหมายของฆาตกรในทุก ๆ ภาค, 2. “เกล เวเธอร์ส” สาวนักเขียนและนักข่าวอิสระชื่อดัง เธอพยายามจะสืบหาข้อมูลของฆาตกร เพื่อให้รู้ความจริงว่าใครคือ ฆาตกรกันแน่ และ 3 เจ้าหน้าที่ “ดไวย์ ดิวอี้ รีเลย์” (ภาคปัจจุบันเป็น นายอำเภอ และ สามีของ เกล) เขาเป็นคนคอยตามไล่ล่าฆาตกรจอมโหดมาโดยตลอด

สปอย์ Scream 1 (1996) ตัวหนังเล่าถึง นักเรียนสาว “ซิดนีย์” ที่มีปัญหาครอบครัว พ่อ-แม่ แยกทางกัน เนื่องจากแม่ไปมีกิ๊กเป็นหนุ่มรุ่นน้องที่ชื่อ “คอตตอน วายรี่” จนกระทั่งต่อมาแม่ของเธอถูกฆ่าตาย นั่นจึงทำให้ “ซิดนีย์” ซัดทอดว่าเป็นคนร้ายน่าจะเป็นฝีมือของ “คอดตอน” มากที่สุด แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ “Ghostface” ยังก่อเหตุฆ่าคนอย่างต่อเนื่องโดยมันจะเลือกเหยื่อที่ใกล้ตัวนางเอกสาวมากที่สุด และเมื่อความจริงปรากฏว่าคนร้ายตัวจริงคือ “บิลลี่ลูมิส” และ กับเพื่อนสนิทของเขา สาเหตุที่ “บิลลี่” ต้องการจัดฉากฆ่า ก็เพราะเขาแค้นที่แม่”ซิดนีย์” แอบไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพ่อของ “บิลลี่” นั่นจึงทำให้ครอบครัวของเขาต้องพังพินาศ “บิลลี่” ถูกปล่อยทิ้งไว้กับพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบ เขาจึงหาทางกำจัด “ซิดนีย์” กับพ่อของเธอ ก่อนจะโยนความผิดให้ แต่เพราะ “ซิดนีย์” ได้รับความช่วยเหลือจาก “เกล” และ เจ้าหน้าที่”ดิวอี้” เธอจึงเป็นฝ่ายปิดฉากยิงหัว “บิลลี่” ชำระแค้นให้คนที่ตายไปแล้ว

สปอย์ Scream 2 (1997) เมื่อเรื่องราวคดีฆาตกรรมต่อเนื่องฝีมือ “Ghostface” ถูกทำเป็นหนังเรื่อง เรื่อง STAB (แทง) จนได้รับความนิยม แต่แล้ววันหนึ่งเรื่องราวความสยองขวัญก็กลับมาอีก เมื่อ “Ghostface” ไปโผล่ในโรงหนัง มันฆ่าสาวที่เป็นเหยื่ออย่างโหดเหี้ยม ขณะที่ “ซิดนีย์” เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่เพราะข่าวการกลับมาของ “Ghostface” ทำให้เธอกลายเป็นเป้าหมายอันดับ 1 ซึ่งแน่นอนว่า “Ghostface” เริ่มฆ่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเธอเรื่อย ๆ อีกรอบปรากฏว่าเธอ เริ่มสงสัยว่าแฟนใหม่ที่เป็นนักศึกษาแพทย์จะเป็นฆาตกร แต่สุดท้ายไม่ใช่ ฆาตกรตัวจริงคือ “นิกกี้” เพื่อนที่เรียนในมหาวิทยาลัยด้วยกัน โดยมีผู้สนับสนุนเป็นนักข่าวท้องถิ่น ซึ่งก็คือ “คุณนายลูมิส” ผู้เป็นแม่ของ “บิลลี่” อดีตแฟนหนุ่มที่เคยเป็น “Ghostface” ในภาคแรก เธอออกมายอมรับว่าเธอแค้น แม่ของ”ซิดนีย์” ที่ทำให้ครอบครัวของเธอแตกแยก และยังแค้น “ซิดนีย์” ที่ฆ่าลูกของเธออีกด้วย ด้วยเหตุนี้ เธอจึงแอบสนับสนุน “นิกกี้” อย่างลับ ๆ เพื่อวางแผนฆาตกรรมต่อเนื่องและโยนความผิดให้ “นิกกี้” ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่า “คุณนายลูมิส” รีบชักปืนยิงใส่ “นิกกี้” จนตาย ก่อนจะยิงนักข่าวสาว “เกล” จนล้มกองพื้นสาหัส จังหวะนั้นนางเอกของเราเข้าต่อสู้กับแม่อดีตแฟน แต่เกิดพลาดท่ากำลังจะโดนแทงตาย ปรากฏว่า “คอดตอน” อดีตกิ๊กของแม่เธอโผล่ออกมาใช้ปืนยิงโดนสาวใหญ่สิ้นฤทธิ์ “ซิดนีย์” ไม่รอช้าที่จะเอาคืนด้วยการยิงหัวแม่อดีตแฟนเพื่อชำระแค้น และเมื่อนักข่าวถามว่าใครคือผู้ฆ่า “Ghostface” นางเอกของเราก็บอกว่า “คอดตอน” เข้ามาช่วยชีวิตเธอไว้

สปอย์ Scream 3 (2000)
เปิดฉากมา “คอดตอน” กลายเป็นฮีโร่ของเมือง ในฐานะผู้พิชิต “Ghostface” ในภาคที่แล้ว เขาแต่งงานกับภรรยาสาวสุดสวย แต่เมื่อ Ghostface” กลับมาอีกครั้ง มันไม่มีรอที่จะฆ่าเขากับภรรยาในทันที ข่าวการสังหาร “คอดตอน” ทราบไปถึงนักข่าวสาว “เกล” และ “ซิดนีย์” ขณะเดียวกัน “Ghostface” ได้ลงมือฆ่ากลุ่มนักแสดงหนังเรื่อง STAB 3 ทำให้เจ้าหน้าที่เดาทางไม่ออกว่าเพราะอะไรถึงต้องฆ่ากลุ่มคนดังกล่าว ตัวละครที่ตายไปต่างก็รับบทเป็นตัวละครหลักล้วน ๆ แต่ที่แปลกก็คือคนร้ายได้ทิ้งรูปของผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ ซึ่งก็คือ แม่ของ”ซิดนีย์ นั่นเอง ดังนั้นในภาคนี้ ฆาตกรอาจเกี่ยวข้องกับนางเอกโดยตรง ซึ่งก็คือพี่ชายต่างพ่อ ผู้มีนามว่า “โรมัน” (ผู้กำกับหนังเรื่อง STAB 3) สาเหตุที่เขาอยากฆ่า “ซิดนีย์ ก็เพราะความอิจฉาล้วน ๆ “โรมัน” เป็นลูกที่เกิดจากการโดนรุมโทรมข่มขืน แม่จึงไม่คิดเหลียวแลเขาแม้แต่น้อย และเมื่อพี่ชายกับน้องสาวสู้กัน ปรากฏว่าน้องสาวเป็นฝ่ายใช้มีดปักอกสางแค้นได้สำเร็จ แต่เพระความอึด โรมันไม่ยอมตายเขาลุกขึ้นมาหยิบมีดจะแทงนางเอก ปลัดอำเภอ “ดิวอี้” จึงชักปืนมาซัลโวจนร่างพรุน จากนั้นปลัดหนุ่มก็ขอ นักข่าวสาว”เกล” แต่งงาน

Scream 4 (2011)
“ซิดนีย์” กลับมาอยู่ในเมืองบ้านเกิดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอพักอยู่กับ น้าสาว (น้องแม่) และลูกของน้าสาวที่ชื่อ “จิล” ขณะที่วัยรุ่นในเมือง ได้นำเอาหน้ากาก “Ghostface” มาประดับตามท้องถนน เพราะเนื่องจากเป็นวันครบรอบคดีฆาตกรรมในภาคแรก ซึ่งแน่นอนว่าเจ้า “Ghostface” ตัวใหม่ได้หมายหัวเธอไว้แล้ว หลังจากมันฆ่าสาวชาวเมืองและเพื่อนบ้านข้างเคียงที่เธอพักอาศัยอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความสงสัยว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง นักข่าวสาว “เกล” จึงนำกล้องไปติดไว้ตามที่ต่าง ๆ ปรากฏว่ากล้องถูกปรับเปลี่ยนใหม่ให้เก็บภาพนาทีการสังหารโหดของเจ้า “Ghostface” เอาไว้เรื่อย ๆ ซึ่งก็ปรากฏว่า คนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นฝีมือของ “จิล” กับ เพื่อนหนุ่มในมหาวิทยาลัยที่มีความชื่นชอบในการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยสาเหตุที่ “จิล” อยากฆ่าพี่สาวก็เพราะอิจฉาในความเป็นนักเขียนมีชื่อเสียงโด่งดัง เธอกับเพื่อนใช้ความเป็น “Ghostface” ออกไล่ฆ่าผู้คนพร้อมกับถ่ายทำหนังแบบ “ฆ่าจริง-ตายจริง” นั่นรวมไปถึงแม่แท้ ๆ ของตัวเองด้วย ช่วงท้ายเรื่อง “จิล” ลงมือสังหารเพื่อนร่วมก่อเหตุแล้วก็หันไปเล่นงาน “ซิดนีย์” เพื่อเตรียมจัดฉากฆ่า
ปรากฏว่า เธอโดนมีดแทงเข้าท้องล้มลงจมกองเลือด จากนั้น “จิล” ได้จัดฉากโยนความผิดทั้งหมดให้เพื่อนที่เป็น “Ghostface” แต่เพราะ “ซิดนีย์” อึดกว่าที่คิด “จิล” จึงตามไปฆ่า “ซิดนีย์” อีกครั้งถึงในห้อง ICU แต่คราวนี้ “ซิดนีย์” ฮึดสู้ก่อนใช้เครื่องปั๊มหัวใจเล่นงานน้องสาวจอมโหดได้สำเร็จ

เรื่องย่อ Scream 5
หลังจากผ่านไปนานกว่า 11 ปี เมืองเล็ก ๆ ที่ผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างสงบเรียบร้อยอย่าง woodsboro ก็ได้กลับมาเกิดคดีสยองขวัญอีกครั้ง เมื่อฆาตกรโรคจิต”Ghostface” โทรศัพม์หาเหยื่อ ก่อนจะใช้มีดแทงอย่างโหดเหี้ยม แต่โชคยังดีที่เด็กสาววัยรุ่น ไม่โดนมีดแทงเข้าจุดสำคัญ ทำให้เธอรอดชีวิตมาได้ ขณะเดียวกัน สาวรุ่นใหญ่อย่าง “ซิดนีย์” และเพื่อนซี้นักข่าวสาว “เกล เวเธอร์ส” พร้อมกับอดีตนายอำเภอ “ดิวอี้” ก็ได้ร่วมกันสืบสวนหาข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่า ใครเป็นฆาตกรคดีนี้กันแน่ เนื่องจากมันกำลังเลียนแบบคดีฆาตกรรมเหมือนในหนังภาคแรก

จุดเด่นของ Scream 5
เพราะเป็นหนังแนวสยองขวัญ ฆาตกรจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้ เลยทำให้ผู้ชมนั่งกันหลังไม่ติดเบาะ มีลุ้นกับฉากสะดุ้งตุ้งแช่ (Jump Scare) ได้เรื่อย ๆ การทำบทองค์แรก มีการผูกโยงให้ตัวละครเก่าและใหม่มีความสัมพันธ์กันได้อย่างลงตัว แม้เวลาจะผ่านไปนานกว่า 10 ปี แต่ตัวเอกก็ยังเอาอยู่สามารถเล่นมุกโชว์เกรียน รวมไปถึงฉากแอ๊คชั่นได้อย่างน่าสนใจ ในส่วนของฉากการฆาตกรรม ยังคงเสนอความตรงไปตรงมาแม้จะไม่มีฉากหวือหวาแต่ก็ได้ลุ้นว่าเหยื่อจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าคอหนังยุค 90 คงจะไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง

จุดอ่อนของ Scream 5
ยังคงต้องมีฉากนักแสดงสมทบ เดินไปให้วายร้ายตัวแสบกระซวกเล่น ทั้งที่ตัวหนังก็พยายามบอกว่าไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ก็ยังทำให้เกิดความย้อนแย้งในสิ่งที่บอกกล่าว เอาจริง ๆ แม้จะเข้าใจว่าเป็นบริบทองค์ของหนังช่วงกลางเรื่องที่ฆาตกรต้องสังหารคนแล้วคนเล่าก็ตาม แต่ในความเป็นจริงก็น่าจะหาช่องว่างอื่น ๆ หรือมุมกล้องอื่น ๆ ที่ดูแปลกตาออกไปมาช่วยเพิ่มความน่ากลัวได้ อีกทั้งยังมีจุดอ่อนในเรื่องความไม่สนใจและไม่สมเหตุสมผล ในประเด็น ฆาตกรมีคนเดียว แต่เล่นงานคน 4-5 คนจนกระเจิงได้ ทั้งที่สามารถรวมหัวกันต่อสู้ได้สบาย ๆ

3/5 กะโหลกสำหรับความสยองขวัญที่ชวนให้คิดถึงวันเก่า ๆ แต่กลับไม่ลบจุดอ่อนในหลายๆ เรื่อง รวมทั้งความไม่สมเหตุสมผลในฉากต่อสู้แอ๊คชั่น

———————————————————————————————–

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณข้อมูล ภาพจาก เว็บไซต์ยูทูบ และ Paramount Pictures