สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงมีพระราชดำริที่จะทรงมีเมล็ดพันธุ์พืชสะสมสำรองไว้ในยามที่บ้านเมืองประสบกับภาวะวิกฤติจากภัยธรรมชาติ จึงโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา จัดตั้งโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อสะสมสำรองไว้ สำหรับเป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทานแก่ราษฎรในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติ และราษฎรทั่วไปที่ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ในการเพาะปลูก ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์พืชให้เกษตรกรได้มีพืชที่มีสายพันธุ์ดี ให้ผลผลิตดี มีคุณสมบัติทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช
เมื่อปี พ.ศ. 2552 มูลนิธิชัยพัฒนา ได้จัดตั้งศูนย์พันธุ์พืชแห่งที่ 1 ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ราชพัสดุ เนื้อที่ 135 ไร่ 1 งาน 10.3 ตารางวา ที่ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ผักพื้นบ้านสะสมไว้เป็นเมล็ดพันธุ์ผักพระราชทาน ศูนย์พันธุ์พืชแห่งที่ 1 นี้ ได้พระราชทานชื่อโครงการว่า “ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ” เพื่อเป็นที่ระลึกในวาระครบรอบ 100 ปี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ และได้เสด็จฯ มาทรงเปิดศูนย์ฯ นี้ ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2552
เนื่องจากพื้นที่ในการดำเนินงานมีจำกัด ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จึงมีการขยายการผลิตเข้าสู่ชุมชนให้ราษฎรในพื้นที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมผลิตเมล็ดพันธุ์ผักพื้นบ้านพันธุ์ดี สะสมสำรองไว้เป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทาน
การดำเนินงานของศูนย์พันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ มีความหลากหลายในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้แก่
โครงการ “ผลิตเมล็ดพันธุ์พระราชทาน เพื่อนช่วยเพื่อน” เป็นโครงการที่ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ตั้งขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านเข้าร่วมผลิตเมล็ดพันธุ์ผักพื้นบ้าน โดยเริ่มจากการชักชวนให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชพื้นบ้านให้กับศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริก่อน แล้วจึงค่อยส่งเสริมให้ลูกบ้านเข้าร่วมโครงการสะสมไว้เพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทานแก่ราษฎรที่ประสบภัยพิบัติและโครงการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยพิบัติในพื้นที่ต่างๆ โดยใช้พื้นที่บ้านของเกษตรกร ไม่ได้ปลูกเป็นแปลง เป็นการปลูกแบบธรรมชาติ เป็นการปลูกตามรั้วบ้าน ปล่อยให้ขึ้นริมรั้วหน้าบ้านตามธรรมชาติ มีการทำระแนงพาดรั้วให้ผักเลื้อย
เมล็ดพันธุ์ผักของสมาชิกโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์พระราชทานเพื่อนช่วยเพื่อน ได้แก่ ถั่วพู น้ำเต้า บวบหอม ฟักแฟง ถั่วฝักยาว กระเจี๊ยบเขียว คะน้า แคบ้าน ฟักทอง มะเขือยาว มะเขือเปราะเจ้าพระยา โหระพา พริกขี้หนู กะเพรา ฯลฯ โดยโครงการนี้มีเมล็ดพันธุ์ผักพระราชทานสะสมสำรองไว้ สำหรับพระราชทานพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้งสิ้น 24 ชนิด จำนวน 6,688,759 ซอง เตรียมพร้อมสำหรับพระราชทานราษฎรได้ 1,113,011 ครัวเรือน
ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรวม 604 ครัวเรือน ใน 18 หมู่บ้าน 9 ตำบล กระจายอยู่ใน 5 อำเภอของจังหวัดเชียงราย เมื่อปี พ.ศ. 2558 ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ผลิตเมล็ดพันธุ์ผักพระราชทานได้ 19 ชนิด สามารถบรรจุเป็นซองพระราชทานได้จำนวน 2,032,584 ซอง พระราชทานราษฎรได้ 336,073 ครัวเรือน
โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” เป็นโครงการที่ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ดำเนินการขยายผลการปลูกพืชผักพื้นบ้านออกสู่ราษฎร มีวัตถุประสงค์ที่จะให้ราษฎรปลูกพืชผักสวนครัวในบริเวณบ้าน เพื่อให้มีผักที่ปลอดภัยจากสารพิษสำหรับการบริโภค หากเหลือสามารถจำหน่ายเป็นรายได้เสริม
โครงการ “ซอยนี้มีรัก ปลูกผักแบ่งปัน” เป็นโครงการเกิดจากการที่ราษฎร หมู่ที่ 2 ตำบลโป่งงาม ได้เข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และต่อมาได้ขอทำโครงการขยาย โดยตั้งชื่อว่า “ซอยนี้มีรัก ปลูกผักแบ่งปัน” มีวัตถุประสงค์ที่จะปลูกไม้ยืนต้นที่บริโภคได้ตามริมถนนในหมู่บ้าน เพื่อให้คนทั้งในหมู่บ้านและคนทั่วไปสามารถเก็บใบและผลไปประกอบอาหารรับประทานได้
โครงการ “ปลูกผักปลอดภัย” เป็นโครงการภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GoodAgricultural Practice-GAP) สนับสนุนให้ราษฎรปฏิบัติตามข้อกำหนดในการปลูกพืชให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยปลอดศัตรูพืช และมีคุณภาพดี
ต่อมาปี พ.ศ. 2554 มูลนิธิชัยพัฒนาได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริแห่งที่ 2 ที่ จังหวัดสระบุรี เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวและพืชไร่ เช่น ถั่วเขียว สะสมไว้เป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทาน
และ พ.ศ. 2555 มูลนิธิชัยพัฒนา ได้จัดตั้งศูนย์ พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ แห่งที่ 3 ที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อผลิตพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 สะสมสำรองไว้เป็นพันธุ์ข้าวพระราชทาน
พระราชดำรัส สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2552 มีความตอนหนึ่งว่า “….ปัจจัยสำคัญของการเกษตร นอกจากจะเป็นเรื่องน้ำและดินแล้ว การมีพันธุ์พืชที่ดีให้เกษตรกรปลูก เป็นเรื่องที่สำคัญมาก อีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่ทำเองจัดเองทำให้เราได้ศึกษาวิธีการว่า พันธุ์ต่างๆ นอกจากจะทำให้มีปริมาณมากขึ้นแล้ว คุณภาพที่จะเหมาะสมในแต่ละแห่งจะทำอย่างไร เพราะถ้าเราทำเองจะทราบว่าตรงไหนต้องทำอย่างไร เป็นความรู้ของพวกเราทุกคนด้วย”
และพระองค์ทรงมักมีรับสั่งกับผู้ปฏิบัติงานอยู่เสมอว่า “… พันธุ์พืชทุกพันธุ์ เมล็ดพันธุ์ทุกเมล็ด เป็นของพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ดีที่สุด”
เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยในความเป็นอยู่ของราษฎรให้สามารถพึ่งตนเองด้วยการยังชีพจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมและมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร ตลอดจนมีคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคมชนบท เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2565 ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
…………………………………..
คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ
โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล”
อ่านเพิ่มเติมที่.. แฟนเพจ : สาระจากพระธรรม