เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 พร้อมด้วยนายจักกพันธ์ ผิวงาม อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่น้ำท่วมย่านบางบัว บริเวณซอยพหลโยธิน 46 หลังพื้นที่กรุงเทพฯ มีฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 17 พ.ค. ถึงเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันนี้ (18 พ.ค.65) โดยนายชัชชาติ กล่าวว่าบริเวณ ซอยพหลโยธิน 46 ติดกับคลองบางบัวและคลองลาดพร้าวซึ่งคลองเป็นส่วนสำคัญในการระบายน้ำ โดยบริเวณคลองคลองลาดพร้าว จะระบายน้ำไปสู่อุโมงค์ระบายน้ำ เพื่อสูบต่อไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ติดปัญหาการก่อสร้างเขื่อนในคลองที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จากการที่ผู้รับเหมาหยุดงาน และอุปสรรคอื่นๆ ส่งผลให้น้ำในคลองไปไม่ถึงอุโมงค์ระบายน้ำ นอกจากนี้ ปัญหาการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าวไม่แล้วเสร็จ ทำให้การขุดลอกคลองเพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำทำได้ยาก

เมื่อถามว่า ปัญหาน้ำท่วมเป็นปัญหาใหญ่ของคนกรุงเทพฯ หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะแก้ไขปัญหาเร่งด่วนอย่างไร นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องเอาจริงเอาจังทั้งระบบ ไม่ใช่ทำอุโมงค์ระบายน้ำแล้วจะจบ ระบบเชื่อมต่ออุโมงค์ต้องมี จุดน้ำท่วมซ้ำซากต้องได้รับการดูแลก่อน รวมถึงปัญหาผู้รับเหมาหยุดงาน เช่น โครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว ซึ่งอาจต้องขึ้นบัญชีผู้รับเหมาทิ้งงานด้วยหรือไม่

ส่วนปัญหาน้ำท่วมจะเป็นโจทย์ยากสำหรับ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องมีการทบทวนโครงการขนาดใหญ่ที่ค้างอยู่และใช้งบประมาณทำโครงการย่อยที่ช่วยเสริมศักยภาพโครงการที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นก่อน แต่อาจให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยประเมินอีกครั้ง ก่อนให้ผู้ว่าฯ กทม. ดูภาพรวมแล้วตัดสินใจดำเนินการส่วนไหนก่อน

สำหรับปัญหาน้ำท่วมถนนลาดพร้าว หรือวงเวียนบางเขน ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งต้องดูรายละเอียดว่าท่อระบายน้ำในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างไร บางครั้งมีการปิดกั้นท่อระบายน้ำ ตัดท่อระบายน้ำทิ้ง หรือมีเศษหิน เศษปูนตกลงไปขวางทางระบายน้ำ ซึ่ง กทม.ต้องจริงจังเรื่องนี่ เพราะเราเป็นเจ้าของพื้นที่

เมื่อถามว่า ประชาชนฝากความหวังกับผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จะรับความหวังในแก้ไขปัญหานี้ให้คนกรุงเทพฯ ได้หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า เราเห็นปัญหา และเป็นเรื่องที่ดีที่วันนี้เราลงพื้นที่มาดูเพื่อทราบปัญหาที่แท้จริง อันดับแรกเราจะแก้ปัญหาจุดน้ำท่วมซ้ำซากก่อน โดยจัดทำแผนที่ความเสี่ยง ระบุจุดน้ำท่วมซ้ำซาก กำหนดแนวทางจะแก้ปัญหาแต่ละจุดอย่างไร

“เข้าใจว่าที่ผ่านมา กทม.ทำได้ดีระดับหนึ่ง จุดใหญ่ๆ บรรเทาลงไปเยอะ แต่เหลือจุดย่อยๆ ที่กระจายอยู่ และเนื่องจากฝนตกลงมาจำนวนมากด้วย บางทีอาจระบายไม่ทันจริงๆ” นายชัชชาติ กล่าว

เมื่อถามว่าหลายคนมองประเด็นฝนตก น้ำท่วม เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. ของคนที่ยังไม่ตัดสินใจ คิดว่าจะสามารถเรียกคะแนนจากประชาชนในส่วนนี้ได้หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า อย่าเอาตรงนี้มาเป็นเรื่องคะแนนเสียง ที่ลงพื้นที่วันนี้ก็เป็นเพียงระยะสั้น ให้ดูความเข้าใจปัญหาในระยะยาว ดูนโยบายดีกว่า การตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม.คงดูภาพรวม คงไม่ได้ดูเหตุการณ์นี้เหตุการณ์เดียวแล้วตัวสินใจว่าจะเลือกใคร

“จริงๆ แล้วเมื่อคืนฝนตกลงมาหนักมาก เป็นเหตุสุดวิสัยระดับหนึ่ง จะบอกว่าถ้าผมอยู่แล้วฝนตกขนาดนี้แล้วไม่ท่วม เราก็ยังพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะตกหนัก ดังนั้น ดูนโยบายภาพรวมดีกว่า แต่แก้ไขได้ดีขึ้นได้แน่นอน” นายชัชชาติ กล่าวพร้อมย้ำการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นปัญหาเร่งด่วน แต่ต้องใช้เวลา อาจแก้ไม่เสร็จภายใน 100 วัน เพราะมีกระบวนการ ขณะเดียวกันโลกเปลี่ยนไป ปริมาณฝนเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักขึ้น หรือตกเป็นหย่อมๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอด.