เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วงวันที่ 19-23 พ.ค. 2565 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางด้านตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทั้งนี้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินสถานการณ์น้ำจากฝน พบว่าปริมาณฝนตกสะสมต่อเนื่องอาจส่งผลให้ เกิดน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน รวมทั้งทำให้พื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังอยู่เดิมมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น จึงขอให้ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ในช่วงวันที่ 19-25 พ.ค. 2565 ในพื้นที่

ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน ตาก​ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บึงกาฬ หนองคาย อุดรธานี​ สกลนคร และนครพนม
ภาคกลาง จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ภาคตะวันออก จังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ จังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งในเขตชลประทาน และนอกเขตชลประทาน ได้สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน อย่างใกล้ชิด และกำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง รวมทั้งพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ พร้อมทั้งตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอ่างเก็บน้ำอาคารบังคับน้ำ และติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันกั้นน้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เร่งระบายน้ำในพื้นที่ ที่มีน้ำท่วมขังอยู่เดิม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม รับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วมให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเตรียมแผนเผชิญเหตุรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที รวมถึงประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง.