สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 22 พ.ค. เกี่ยวกับความคืบหน้าในการนับคะแนน การเลือกตั้งทั่วไปของออสเตรเลีย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า พรรคแรงงานของนายแอนโธนี อัลบานีส มีคะแนนนำในอย่างน้อย 72 จาก 151 ที่นั่งในสภาผูัแทนราษฎร ด้านพรรคเสรีนิยมของนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน มีคะแนนนำในอย่างน้อย 55 ที่นั่ง ตามด้วยพรรคกรีนส์ และผู้สมัครอิสระ มีคะแนนนำฝ่ายละ 11 ที่นั่ง ส่วนที่นั่งที่เหลือยังสูสีมาก


ทั้งนี้ พรรคแรงงานของออสเตรเลียซึ่งเป็นพรรคสายกลางซ้าย มีคะแนนนิยมนำพรรคเสรีนิยมตั้งแต่ช่วงก่อนหาเสียง ขณะที่ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ไปในทางเดียวกัน ว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้พรรคเสรีนิยมพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ รวมถึง การยอมรับต่อชนพื้นเมืองอะบอริจิน และการบริหารจัดการนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ที่มอร์ริสันยังคงยืนกรานสนับสนุนการใช้ถ่านหิน และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของออสเตรเลีย ที่ได้รับแรงเสียดทานจากสงครามในยูเครน ต่อยอดจากวิกฤติเดิมคือ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน แถลงขอบคุณผู้สนับสนุน ที่เมืองซิดนีย์


ด้านอัลบานีส วัย 59 ปี ปราศรัยท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุน ในเมืองซิดนีย์ ประกาศชัยชนะครั้งสำคัญ ในการนำพรรคแรงงานกลับสู่การเป็นรัฐบาลได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2556 ว่าเป็นสัญญาณสะท้อนชัดเจนว่า ออสเตรเลีย “ต้องการความเปลี่ยนแปลง” แม้ยังคงไม่ชัดเจน ว่าพรรคแรงงานจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้หรือไม่


ขณะเดียวกัน อัลบานีสขอบคุณมอร์ริสันซึ่งโทรศัพท์สายตรงมาแสดงความยินดี และขอบคุณอีกฝ่ายสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คือนับตั้งแต่ปี 2561 และสร้างประวัติศาสตร์เป็นนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียคนแรกในรอบนานกว่า 1 ทศวรรษ ที่สามารถอยู่ครบวาระ ต่อจากนายจอห์น โฮวาร์ด เมื่อปี 2550.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES