สุดสัปดาห์นี้ สหราชอาณาจักรจะจัดงานเฉลิมฉลอง เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองแห่งสหราชอาณาจักร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี นับตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1953


สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง ทรงเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์สหราชอาณาจักร ที่ทรงครองราชย์ยาวนานกว่า 70 ปี


นับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการเสด็จเยือนต่างประเทศรวมกว่า 260 ครั้ง รวมถึงได้เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1972 และ ค.ศ. 1996


ในปีนี้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง ทรงเจิรญพระชนมพรรษา 96 พรรษา และยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เสด็จร่วมงานการกุศลและเสด็จเยี่ยมโรงเรียนต่าง ๆ ไปจนถึงทรงเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำประเทศต่าง ๆ โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ให้การสนับสนุน


ในสหราชอาณาจักร การจัดเฉลิมฉลอง Platinum Jubilee จะมีขึ้นต่อเนื่องในช่วง 4 วันสุดสัปดาห์ โดยมีการจัดกิจกรรมและงานต่าง ๆ ซึ่งเปิดให้สาธารณชนเข้าร่วมงาน รวมไปถึงการจัดขบวนแห่ตามประเพณีอังกฤษ และการเฉลิมฉลองในพื้นที่ต่าง ๆ


สำหรับในประเทศไทย นาย มาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดงานฉลองวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง อย่างเป็นทางการ ณ โรงแรมโฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ นอกจากนี้สโมสรอังกฤษ กรุงเทพฯ (British Club Bangkok) ก็จะจัดงานต่าง ๆ หลายรายการตลอดช่วงสุดสัปดาห์นี้เช่นกัน


นายมาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เป็นเวลามากกว่าสี่ศตวรรษแล้วที่สหราชอาณาจักรและประเทศไทยได้สานสัมพันธ์ผ่านมิตรภาพอันยาวนาน ระหว่างผู้คนทั้งสองชาติ โดยใจกลางของมิตรภาพของเรานั้น คือความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์


“ตลอดระยะเวลาหลายปีที่มีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มากมายรอบโลก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองได้ทรงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอันมั่นคงเสมอมา การอุทิศพระวรกายและพระราชกรณียกิจของพระองค์นั้นเป็นที่ทราบซึ้งต่อผู้คนกว่าหลายล้านคน ทั้งในและนอกสหราชอาณาจักร


“ในช่วงที่เราเฉลิมฉลอง Platinum Jubilee ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญและน่าจดจำอย่างยิ่ง สมเด็จพระราชินีนาถก็ยังทรงเป็นแบบอย่างของสายสัมพันธ์มิตรภาพ ความเข้าใจ และการเคารพซึ่งกันและกันของสหราชอาณาจักรและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก”.

ขอขอบคุณ : สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย