เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) แจ้งว่า หลังจากผลโหวตรับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วาระรับหลักการ เสร็จสิ้นลง มี 7 ส.ส. โหวตสวนมติพรรค โดยทางพรรคมอบให้คณะกรรมการวินัยจริยธรรม เชิญ ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรค มาชี้แจงครั้งแรกวันที่ 13 มิ.ย. เพื่อสอบถามสาเหตุ

ทั้งนี้ พรรค พท. จะไม่เร่งกระบวนการสอบสวน และส่งให้กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคลงมติขับออกจากพรรคในเร็ววัน จะไม่นำเรื่องการไม่โหวตตามมติพรรค มาเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหา เนื่องจากรัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์ ส.ส.ในการลงมติ การขับออก จะไม่ทำให้เสร็จโดยเร็ว จะเป็นการเข้าทางกลุ่ม ส.ส.ที่ต้องการจะย้ายออกจากพรรค หากโดนขับออกสามารถหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดได้ใน 30 วัน ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่จะใช้วิธีการพิจารณาสอบสวน การทยอยเรียกมาชี้แจงให้ยาวนานที่สุด เพื่อไม่ให้กลุ่ม ส.ส.ดังกล่าว หาพรรคสังกัดใหม่ได้ทันเวลาตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ หากมีการยุบสภา ส.ส.จะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน แต่ถ้าหากรัฐบาลอยู่ครบวาระ ส.ส.ต้องหาพรรคสังกัดภายใน 90 วัน ขณะเดียวกันพรรคไม่สามารถใช้ข้ออ้าง การไม่โหวตตามมติพรรคมาเป็นสาเหตุในการขับออกไปได้ เพราะรัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส. แต่ถึงแม้ทางพรรค จะไม่เร่งรัดกระบวนการสอบสวน ลงมติเพื่อขับออกในเร็ววันนั้น แต่เชื่อว่าในทางการเมือง ส.ส.ที่จะไม่ร่วมงานการเมืองกับพรรค พท. อาจจะแก้เกมโดยเลือกใช้วิธีหากพ้นเดือน ก.ย.ไปแล้ว พรรค พท.ยังไม่ขับออก จะขอลาออกจาก ส.ส. เพื่อไปสมัครเป็นสมาชิกกับพรรคการเมืองใหม่ ให้สังกัดพรรคใหม่ให้มีคุณสมบัติครบถ้วน มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้า นอกจากนี้ตามกฎหมายระบุว่า ก่อนรัฐบาลครบวาระ 6 เดือน ถ้ามี ส.ส.เขต ลาออกไม่ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่

มีรายงานอีกว่า สิ่งที่ทางพรรคพท.มีความหวั่นใจ ในการลงมติช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในเดือน ก.ค.65 อาจจะมี ส.ส.ที่ยังไม่เคยแสดงตัว แต่มีสัญญาใจกับพรรคการเมืองอื่น จะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติพรรคเพิ่มจำนวนมากขึ้นเนื่องจากเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หลังจากนั้นไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกแนวทางยุบสภาฯ หรืออยู่ครบวาระ ตามรัฐธรรมนูญ จะเหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ จึงทำให้ ส.ส.ที่คิดจะย้ายพรรค กล้าแสดงตัว เปิดเผยเจตจำนงทางการเมืองมากขึ้น.

ทางด้าน นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) 1 ใน 7 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรค ในการลงมติร่างพระราชบัญญัติ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค พท. จะยื้อกระบวนการสอบสวนเพื่อขับออกจากพรรคไปให้นานที่สุดว่า ได้หมด ยอมรับได้หมด ถ้าจะพยายามยื้อออกไปก็รับได้ หรือจะขับออกก็รับได้ หรือจะให้อยู่กันไปอย่างนี้ก็รับได้ หากได้รับเชิญจะไปชี้แจง ส่วนตัวมองว่าการลงมติ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่โหวตรับหลักการ เพราะมองว่า จะได้มีงบประมาณนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน นำไปพัฒนาประเทศ ตลอดการอภิปรายงบประมาณฯ 3-4 ครั้งที่ผ่านมา พรรคพท.อย่างมาก งดออกเสียง แล้วจะได้ไปคุยต่อในวาระ 2 แต่ทำไมครั้งนี้กลายเป็น ไม่รับหลักการ คิดอะไรอยู่ มีแผนอะไร ตราบใดที่กระบวนการบริหารพรรคยังเป็นอย่างนี้ บริหารแบบ Top Down หรือมองจากบนลงมาล่างเพียงอย่างเดียว ส.ส.ไม่สามารถสะท้อนความเห็นอะไรได้เลย ทำให้ ส.ส.หลายคนเริ่มอึดอัด และไม่ได้มีเฉพาะตนเพียงคนเดียว เรื่องการขับออก ถ้าจะยื้อก็ไม่เป็นอะไร

เมื่อถามว่าในการโหวตครั้งต่อไป ไม่ได้ดูตามมติพรรค แต่จะใช้เอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส. นายจักรพรรดิ กล่าวว่าถูก แม้มติพรรคจะให้ไม่ไว้วางใจ แต่ถ้าตนฟังแล้ว รัฐมนตรีตอบคำถามได้ เมื่อพรรคไม่เห็นเรา ไม่เอาเราแล้ว วันนี้ตนเป็นอิสระ ยิ่งกว่าอิสระ การลงชื่อญัตติอภิปราย พรรคคงไม่เชิญไปลงชื่อและจะไม่ไปเซ็นชื่อ ในการขอเปิดญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะมีการยื่นในวันที่ 15 มิ.ย.65

นายจักรพรรดิ กล่าวต่อว่า แม้จะมีจุดยืนทางการเมืองแบบนี้ ความสัมพันธ์ ส.ส.เขตของพรรค พท. ยังเป็นเหมือนเดิม เข้าใจซึ่งกันและกัน ยังมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ไม่มีอะไร เข้าใจกัน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า คงจะไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตั้งแต่สมัยนายประจวบ ไชยสาส์น บิดา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดานายอนุทิน นายชัย ชิดชอบ บิดานายเนวิน เป็นนักการเมืองรุ่นใกล้เคียงกัน มีความคุ้นเคยรักใคร่กันดี จนมาถึงรุ่นลูก นายเนวิน นายอนุทิน และตน ต่างคุ้นเคยกันดี การเลือกตั้งครั้งหน้า ขอไปอยู่กับพรรคที่ตนรู้สึกสบายใจดีกว่า

เมื่อถามว่าใน จ.อุดรธานี กระแสพรรค พท.ยังดีอยู่ หากย้ายออกไป กังวลว่า ชาวบ้านในพื้นที่จะไม่เข้าใจ ไม่เลือกกลับมาเป็น ส.ส. นายจักรพรรดิ กล่าวว่า ยอมรับว่า กระแสพรรค พท.ยังดีอยู่ คงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพัก ในการไปอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ เชื่อว่าชาวบ้านจะมองที่ผลงานของตน รวมถึงผลงานของคุณพ่อ ที่เคยทำมาในอดีต อยากให้มองเรื่องตัวบุคคลมากกว่า แม้การไม่ร่วมงานการเมืองกับพรรค พท. ก็คงมีคนทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย.