ยกให้เป็นอีกหนึ่งการโคจรมาร่วมงานกันที่น่าตื่นเต้นสุด ๆ เมื่อ แพจินยอง ศิลปินเคป๊อปสุดฮอต สมาชิกบอยแบนด์เกาหลีใต้ “CIX” มาประเดิมเล่นภาพยนตร์ครั้งแรก ร่วมกับนักแสดงวัยรุ่นชาวไทย มากความสามารถ มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร ในบิ๊กโปรเจคท์ระดับเอเชีย “ร้านของเก่า (The Antique Shop)” ภาพยนตร์เขย่าขวัญ ซึ่งมาในคอนเซปต์หนังสั้น 3 เรื่องสุดสยอง

ถ่ายทอดเรื่องราวความลึกลับในร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง โดยมีนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์เดินเข้าไปในร้านแบบไม่รู้ตัว และของที่อยู่ในร้านขายของเก่าแห่งนั้น ก็ล้วนมีเสน่ห์ที่น่าขนลุก กระทั่งมีหญิงสูงวัยเจ้าของร้านออกมาต้อนรับพร้อมกับเล่าที่มาแปลก ๆ ของสิ่งของในร้านแต่ละชิ้น จนนำมาสู่ 3 ความสยองที่จะทำให้เสียวสันหลัง ผลงานผู้กำกับ เอ๋-ศุภกร เหรียญสุวรรณ อำนวยการสร้างโดย “เลยดูดี สตูดิโอ จำกัด” และ “NoonTalk Media จำกัด” จาก สิงคโปร์ ร่วมด้วยนักแสดงแถวหน้าของเอเชีย ที่จะมาร่วมถ่ายทอดความหลอนในแต่ละตอน

โดย แพจินยอง และ มีน จะมาร่วมถ่ายทอดในเรื่องที่ชื่อว่า “มีดแห่งความแค้น (Happy Birthday)” ที่ว่าด้วยการบูลลี่ แรงแค้น และแผนการเอาคืนสุดหลอน ซึ่งของขวัญวันเกิดปีนี้ ต้องแสดงความยินดีด้วยชีวิต!

หนุ่ม แพจินยอง นั้นมารับบท “ซง” หนุ่มชาวเกาหลีใต้ ที่เคยเดินทางมาเรียนที่เมืองไทย และถูกบูลลี่โดยเพื่อนคนไทย หนึ่งในนั้นก็คือ “แชมป์” ที่รับบทโดย มีน ซึ่งการโดนบูลลี่ในครั้งนั้น ถูกเปลี่ยนเป็นความแค้น หลังจากที่ “ซง” เดินทางกลับไปเกาหลี แล้ววันหนึ่ง อยู่ ๆ เพื่อนคนไทย 3 คน ก็ได้รับคําเชื้อเชิญจาก “ซง” ให้มางานวันเกิดที่บ้าน โดยในงานวันเกิด “ซง” ได้ร่วมทำอาหารมื้อนี้ให้ทั้ง 3 คนได้ลิ้มลองรสชาติ แต่มีดที่ทำอาหารนั้น กลับกลายเป็นอาวุธที่ใช้ชำระแค้น!

ล่าสุด “ฮาอึน” มีโอกาสได้เปิดใจสัมภาษณ์สองนักแสดงนำ แพจินยอง และ มีน ถึงการถ่ายทำภาพยนตร์ครั้งนี้ รวมทั้งเปิดมุมมองเกี่ยวกับ “บูลลี่” ที่เป็นเหมือนชนวนเหตุของเรื่องราวสุดสยอง และไม่พลาดพูดถึงความประทับใจที่ทั้งคู่ได้มาร่วมงานกันด้วยมาฝากกันแบบจัดเต็ม

Q : อะไรทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจร่วมแสดงในโปรเจคท์ ภาพยนตร์เรื่อง “ร้านของเก่า” ตอน “Happy Birthday” นี้?

มีน : ตอนแรกที่เห็นบท ก็รู้สึกว่าน่าสนใจ เป็นเรื่องสั้นที่ได้ร่วมงานกับชาวต่างชาติ ตอนแรกมีนไม่รู้ว่าาจะได้เล่นกับใครบ้าง แต่ก็ลองไปแคสต์ดูว่าตรงกับเรามาน้อยแค่ไหน และพอได้ลองก็รู้สึกชอบ น่าสนใจมาก ๆ เลยครับ โชคดีได้รับโอกาสมาทางผู้ใหญ่ด้วย เลยได้มารับบทเป็น ‘แชมป์’ ในครั้งนี้ครับ

แพจินยอง : ตัวผมทราบมาว่าโปรเจคท์นี้จะได้ร่วมแสดงกับศิลปินและนักแสดงชั้นนำจากหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ รวมถึงตอนที่ได้อ่านบท ก็รู้สึกว่าเป็นบทบาทที่น่าสนใจมาก ตัวเนื้อเรื่องก็เช่นเดียวกัน ส่วนตัวผมก็อยากลองงานแสดงภาพยนตร์ในแนวที่แตกต่างออกไปจากที่ผมเคยแสดงก่อนหน้านี้ ทั้งหมดนี้ก็เป็นความน่าสนใจที่ทำให้ผมตัดสินใจเข้าร่วมโปรเจคท์นี้ครับ

Q : พูดถึงคาแรกเตอร์ “แชมป์” และ “ซง” หน่อย เป็นยังไง?

มีน : สำหรับ ‘แชมป์’ และ ‘ซง’ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เหมือนกลุ่มของแชมป์ชอบบูลลี่ซง เด็ก ๆ ก็ไม่อะไร บูลลี่แบบสนุกสนาน ก่อนที่จะแยกย้ายห่างหายกันไป อยู่ ๆ ซงก็กลับมาที่ไทยและชวนพวกเราไปปาร์ตี้วันเกิด พวกเราจึงได้กลับไปเจอกันอีกครั้ง ส่วนคาแรกเตอร์แชมป์ คือไม่รู้สึกกลัวเขา วางแผนคิดตลอดเวลา คิดว่ามันจะมาไม้ไหน เราก็เป็นหัวโจกของกลุ่มเลยครับ

แพจินยอง : อย่างที่คุณมีนได้บอกไป คือคุณมีนกับเพื่อน ๆ ได้รังแกผมในสมัยวัยเรียน (ยิ้ม) และเนื่องจากความทรงจำที่ผมถูกรังแกนั้น มันเป็นความช็อกที่ผมได้รับ เป็นทรอม่า (Trauma) ที่ผมเก็บไว้ พอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราก็ใช้คำว่าปาร์ตี้วันเกิดมาเป็นฉากหน้าในการเรียกพวกเขามาทำการแก้แค้นที่เลือดเย็น สุดสยอง แต่ความสยองนั้นจะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปดูกันเอาทางหน้าจอครับ (ยิ้ม)

Q : ทั้งคู่ต้องทำการบ้านตรงไหนเป็นพิเศษมั้ย?

มีน : มีนก็อ่านบท พอมันเป็นเรื่องที่ต้องเล่นต่อกัน ทุกซีนมันต่อเนื่องกันไปหมด เราต้องทำอารมณ์ให้มันถูกต้อง ไม่อย่างนั้น ถ้าอารมณ์กระโดด เช่น สมมุติการโกรธมีสิบเลเวล ซีนนี้โกรธเลเวลหนึ่ง อีกซีนโกรธเลเวลห้า แล้วกลับมาโกรธเลเวลสาม มันก็ไม่ต่อเนื่อง ผมต้องทำการบ้านตรงนี้เยอะ ๆ ครับ อีกอย่างผมเป็นคนดีไง (ยิ้ม) จะให้มาบูลลี่คน ชีวิตจริงทำไม่เป็นเลย ผมเลยต้องมาฝึกเป็นคนไม่ดี (หัวเราะ)

แพจินยอง : ส่วนผมจะทำการบ้านด้วยการพยายามศึกษา และชมภาพยนตร์แนวสยองขวัญให้หลากหลายมากที่สุด และพยายามที่จะสะกดจิตตัวเองว่า ‘ฉันไม่ใช่แพจินยอง ฉันเป็นซง ที่เป็นคนโรคจิต’ รวมถึงเวลาที่ผมนั่งรถไปมา ผมเองก็พยายามที่จะบอกกับตัวเองว่า ‘ฉันคือซง ไม่ใช่แพจินยอง’ ผมพยายามทิ้งความเป็นแพจินยองให้มากที่สุด พยายามอินกับคาแรกเตอร์นี้ให้มากที่สุดครับ

Q : สำหรับ “แพจินยอง” เห็นว่าเป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกด้วย รู้สึกยังไงบ้าง มันต่างจากการเป็นศิลปินยังไง รวมทั้งการได้มาร่วมงานกับทีมงานไทย เป็นยังไงบ้าง?

แพจินยอง : จริง ๆ ถ้าถามถึงความแตกต่างระหว่างการเป็นนักร้องและเป็นนักแสดงภาพยนตร์ มันมีความต่างแค่ตรงที่ว่าไม่ร้อง และไม่เต้นเท่านั้นเองครับ เพราะตัวผมเองเวลาที่ยืนบนเวทีร้องเพลง ผมจะมีคอนเซปต์ของเพลงนั้นหรือคอนเซปต์ของเวทีนั้น ๆ จินตนาการอยู่ในหัวของผมอยู่แล้ว และผมก็แสดงมันออกมาตามคอนเซปต์นั้น ๆ ภาพยนตร์ก็เช่นเดียวกัน ผมมีคอนเซปต์ มีภาพของคาแรกเตอร์ของภาพยนตร์นั้นแยู่ในหัวและแสดงออกมา เพราะฉะนั้นแค่การที่ไม่ได้ร้องและไม่ได้เต้น ก็น่าจะเป็นแค่ข้อแตกต่างอย่างเดียว และกลับกลายเป็นว่า การที่ผมมีประสบการณ์การร้องเพลงนั้น ช่วยส่งให้ผมแสดงได้ง่ายขึ้นด้วยซ้ำ ส่วนการได้มาทำงานและถ่ายทำในเมืองไทย ผมมองว่าทั้งทีมงานและนักแสดงเอื้อเฟื้อและเทคแคร์ผมดีมาก มากแบบสุด ๆ อาจเป็นเพราะผมมาจากต่างประเทศหรือเปล่าไม่ทราบนะ แม้ว่าผมจะมาทำงานแสดงที่นี่ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ที่มีความหนาและมีอิมแพ็กที่ชัดเจนมาก เลยอยากจะขอถือโอกาสนี้ในการแสดงความขอบคุณไปยังทีมงานและนักแสดง อย่าง คุณมีน เช่นเดียวกัน

Q : ส่วน “มีน” ล่ะ ได้มีให้คำแนะนำ อะไร “แพจินยอง” เป็นพิเศษมั้ย?

มีน : จริง ๆ ก็ไม่ได้แนะนำอะไรเป็นพิเศษนะ แค่แนะนำว่าอาหารไทยอร่อย (หัวเราะ) และผมก็เห็นทีมงานหลายคนเอาอาหารไทยเข้าไปกินกันด้วยครับ ก็รู้สึกดีใจ แต่เราต้องเป็นคนที่ศึกษาจากตัวเขาด้วยมากกว่า เราก็รู้ว่าฝั่งเกาหลีเองก็มีศาสตร์การแสดงที่ดีมาก ๆ ครับ เราก็พยายามจูนให้เข้ากับคุณแพจินยองครับ ซึ่งสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากคุณแพจินยอง คือการดีไซน์คาแรกเตอร์หรือการอยู่ในเฟรมกับกล้อง เราก็พยายามแอบ ๆ ดูอยู่ครับ (ยิ้ม) ส่วน แพจินยอง ได้ยินแบบนั้น ก็หันมาไหว้พร้อมบอก “ขอบคุณครับ”

Q : เล่าถึงบรรยากาศการถ่ายทำหน่อย ไปถ่ายที่ไหนกันมาบ้าง มีอะไรสนุก ๆ หรือสิ่งที่ตราตรึงใจในกองถ่ายเล่าให้ฟังบ้างมั้ย?

มีน: จริง ๆ ในเส้นเรื่องของมีน เราถ่ายอยู่แค่ในโลเคชั่นเดียวเลย คือในบ้านหลังเดียวแล้วก็คลุมผ้าดำ เพื่อถ่ายทำตั้งแต่เช้ายันเย็นตลอดติดกันเลย 5-6 วัน ทุกอย่างราบรื่น มีแค่น้องหมาที่จะส่งเสียงดังบ้าง วิ่งบ้าง (หัวเราะ) นอกนั้นราบรื่นหมด รวมทั้งการทำงานกับทีมงานทุกคนก็ค่อนข้างโปรเฟสชั่นนอลมาก ทุกอย่างรวดเร็วมากครับ

แพจินยอง : ส่วนตัวผมได้ถ่ายทำที่ร้านขายของเก่าวันแรกแค่วันเดียวครับ หลังจากนั้นก็ถ่ายกับมีนที่บ้านร้างยาวเลยครับ ซึ่งความรู้สึกที่ผมได้รับ ตั้งแต่โปรดิวเซอร์ ตากล้อง สตาฟฟ์ ไปจนถึงนักแสดง ทุกคนโฟกัสไปที่ผลงานอย่าวเดียว ซึ่งมันเป็นภาพที่แปลกใหม่สำหรับผมและทุกคนดูเท่มาก ดูเจ๋งมาก นั่นถือเป็นความประทับใจของผมในฐานะนักแสดงที่มาจากต่างประเทศ และได้มาเห็นความเป็นมืออาชีพแบบนี้ครับ และรู้สึกถึงความเป็นทีมครับ

Q : การได้มาร่วมงานกันครั้งนี้ มีอะไรประทับใจเล่าให้ฟังบ้าง?

มีน : ส่วนตัวมีนเคยเห็นแพจินยอง ผ่านทางรายการที่เกาหลีมาก่อน และพอได้มาร่วมงานจริง ๆ ตอนแรกอาจเกร็งนิดหน่อย ด้วยความที่เป็นชาวต่างชาติด้วย และก็มีเพื่อน ๆ ฝากความหวังมาเยอะพอสมควร เพราะว่าเพื่อนของผม กรี๊ดเขาหลายคนเหมือนกัน (หัวเราะ) ผมก็จะไม่ทำให้เพื่อน ๆ ต้องผิดหวัง แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เริ่มได้เข้าฉากและเล่นด้วยกันได้มากยิ่งขึ้น ทุกอย่างก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ และก็ต้องชื่นชมเขาด้วยมาก ๆ คือผมรู้มาว่าเขาทำการบ้าน ดีไซน์คาแรกเตอร์มาตั้งแต่แรก ๆ ใช้เวลากับมันมาก ๆ เราก็รู้สึกเราจะยอมเขาไม่ได้นะ ต้องสู้เหมือนกันครับ เขาอาจเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดัน ทำให้ทุกคนพยายามสนุกไปกับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

แพจินยอง : คือตอนนั้นผมได้ถ่ายของผมจบแล้ว และกำลังถ่ายทำในส่วนของคุณมีนอยู่ ซึ่งมันเป็นฉากที่มีนชุ่มไปด้วยเลือดบนใบหน้า และกำลังแสดงซีนเค้นอารมณ์ มีน้ำตา ผมเห็นภาพนั้นผมช็อกเลยกับการแสดงของเขา คือแสดงดีมากครับ รวมถึงภาพเวลาที่มีนทำงาน คือเขาจะอินไปกับบทของเขา ผมในฐานะคนนอกที่เห็น คือมันเป็นภาพที่เท่มากเลย ซึ่งผมเองก็มีความคิดในการทำงานในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน แต่พอเจอกับคู่แสดงที่เขามีความคิดคล้ายกันแล้วเป็นแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากจริง ๆ ครับที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงที่คุณภาพและความคิดที่ดีแบบนี้ครับ

มีน : จริง ๆ เรื่องนี้ต้องชมคุณแพจินยองด้วย เพราะว่าในซีนที่ไม่มีเขาแล้ว กล้องไม่ได้ถ่ายเขา ไม่ได้เห็นเขาแล้ว ถ้าเป็นนักแสดงคนอื่น ก็อาจไม่มาอยู่ตรงนั้น อาจให้ทีมงานช่วยต่อบทให้ แต่เขาอบอกว่า ‘โอเค เดี๋ยวผมอยู่เอง ต่อบทให้’ เราเลยยิ่งอินเข้าไปใหญ่ ในซีนนั้นที่ชมผม ถ้าเป็นทีมงานมาพูดบทแทนเขา ไม่รู้ว่าผมอารมณ์จะไปถึงตรงนั้นได้หรือเปล่า (ยิ้ม)

Q : ด้วยความที่เป็นหนังสยองขวัญ ทั้งคู่กลัวผีรึเปล่า และเชื่อเรื่องโลกหลังความตายมั้ย?

มีน: เด็ก ๆ ผมก็กลัวผีนะ แต่พอโตขึ้นมาก็เริ่มนอนคนเดียวได้ (หัวเราะ) ไม่ถึงขึ้นกลัวมาก แต่ถ้าเจอบรรยากาศ เช่น ตอนถ่ายทำเรื่องนี้ บางจังหวะ ก็รู้สึกกลัวจริง ๆ ครับ ส่วนเรื่องโลกหลังความตาย ถ้าถามผมไม่อยากมีนะ เพราะแค่ใช้ชีวิตก็เหนื่อยแล้ว (หัวเราะ) สมมุติผมอยู่สัก 60-70 ปี ผมก็คงเหนื่อยแล้ว และลองคิดดู ไปอยู่โลกหลังความตายอีก โตกว่านั้นก็ไม่ได้ เด็กกว่านั้นก็ไม่ได้ ก็อาจเหนื่อย ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ก็ขอจบแบบไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข จบแบบนั้นดีกว่า แบบพีซ (Peace) ครับ

แพจินยอง : จริง ๆ ผมก็ไม่เคยเห็นผีมาก่อน เลยไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าจินตนาการว่าได้เห็น ก็คงจะกลัวมากครับ ส่วนเรื่องโลกหลังความตายก็น่าจะมีนะครับ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยคิดว่าถ้าผมตายไปแล้ว ชีวิตหลังความตายของผมจะเป็นยังไง จะเกิดใหม่ คือโลกมันหมุนได้ ก็อาจมีการเวียนว่ายตายเกิดครับ (หัวเราะ)

Q : จากเรื่องย่อ เรื่องราวร้าย ๆ ในตอนนี้เกิดจากการบูลลี่กัน ในชีวิตจริง ทั้งคู่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องของการบูลลี่บ้างมั้ย และมีมุมมองต่อการบูลลี่ จนสร้างรอยแผลให้คนยังไง?

มีน : ส่วนตัวมีนเองคิดว่าการบูลลี่เป็นสิ่งที่ไม่ดีอยู่แล้ว และเชื่อว่าทุกคนก็รู้ ซึ่งทางที่ดีก็ไม่ควรทำเนอะ แต่หลายครั้งบางคนอาจพูดไปโดยไม่คิด แล้วก็ไม่รู้ว่ามันไปกระทบกระเทือจิตใจคนที่ฟัง ก็อย่าไปคิดแค่ว่ามันเป็นโจ๊ก เป็นสิ่งที่พูดเล่นได้ เราไม่รู้สึก ไม่เป็นไรหรอก บางทีคนที่ฟังเรื่องที่เราคิดว่าเล็ก ๆ ก็อาจไปกระทบกระเทือนจิตใจเขาก็ได้ อยากให้นึกถึงจิตใจของเขาด้วย อย่าไปคิดเอง เออเองคนเดียวครับ

แพจินยอง : ผมเองก็มีความคิดหลัก ๆ เช่นเดียวกับคุณมีนนะครับ และโดยส่วนตัวผมเองก็เป็นแบบผู้พิทักษ์ความยุติธรรม ถ้าหากว่าผมไปอยู่ในสถานการณ์ที่มีคนกลั่นแกล้งกัน ผมคงต้องไปช่วย แต่คงต้องให้มีนมาช่วยด้วยนะครับ (หัวเราะ)

Q : มีความคาดหวังต่อผลงานแสดงครั้งนี้กันยังไง?

แพจินยอง : สำหรับเรื่องนี้เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของผม และเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญด้วย ทำให้ส่วนตัวผมค่อนข้างคาดหวังกับโปรเจคท์นี้ ภาพยนตร์แนวสยองขวัญผมมองว่าเป็นแนวที่สามารถเค้นความสามารถของนักแสดงออกมาได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ออกไปสู่สายตาของทุกคน แม้ผมจะมีประสบการณ์การแสดงไม่มาก แต่ก็อยากฟังทุกคำติชมจากผู้ชม และก็ยังเป็นโอกาสที่ผมจะสามารถทบทวนด้วยว่าภาพลักษณ์ของผมในฐานะนักแสดงนั้น ตอนนี้อยู่ในระดับหรือจุดไหนครับ ซึ่งผมเองก็ยังมีประสบการณ์ทางด้านการแสดงไม่มากนัก ยังมีข้อบกพร่องอยู่อีกเยอะ ซึ่งโดยส่วนตัวผมเองก็จะเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าดูภาพของตัวเองในจอสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกกลับกันเลย ผมอยากเห็นการแสดงของผมบนจอ อยากเห็นและได้ยินคำติชมจากแฟน ๆ และผู้ชมว่า ผมอยู่ในระดับไหน และอยากให้ผู้ชมโฟกัสไปที่การแสดงของนักแสดงแต่ละคนที่ต้องเค้นความสามารถนั้นออกมาด้วยครับ

Q : นอกจากความสยองขวัญและความสนุกแล้ว อยากให้ทุกคนได้เมสเสจ (Message) แง่คิดอะไรกลับออกไปบ้าง?

มีน : ผมว่าเมสเสจแรกเลย มันเป็นความความสยองขวัญของไทยอยู่แล้ว นอกนั้นมีนคิดว่ามันพูดถึงการยึดติดกับสิ่งของ ความแค้น มันก็มีความหมายถึงความรู้สึกที่ยึดติดบางอย่าง ซึ่งก็อยู่ที่ว่าเราจะปล่อยวาง หรือกระทำมันยังไง และผลเป็นอย่างไรครับ

Q : มาเมืองไทยครั้งนี้ “มีน” ได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอะไรบ้างมั้ย?

มีน : ง่าย ๆ ผมว่าต่างชาติน่าจะชอบ คิดว่าเป็นไปเดินเยาวราช ไปเดินสตรีทฟู้ด ของกินเยอะดี (ยิ้ม)

แพจินยอง : ส่วนตัวผมไม่เคยไปเยาวราชเลยนะครับ แต่เคยกินสตรีทฟู้ด อยู่ครับ

Q : อยากให้ทั้งคู่พูดถึงแฟนคลับ และเรื่องราวประทับใจที่มีต่อแฟน ๆ หน่อย?

มีน : สำหรับมีนแฟนคลับเป็นอีกหนึ่งแรงซัพพอร์ตของเรา ทำให้เราอยากจะผลิตผลงานที่ดี มีคุณภาพ อยากให้เขาภูมิใจว่านักแสดงที่เขาชื่นชอบมีผลงานที่ดี กล้าโชว์และชวนทุกคนมารู้จักเราจริง ๆ และขอบคุณที่เขาคอยซัพพอร์ตเรามาตลอดในหลายปีที่ผ่านมาก ก็ขอตอบแทนด้วยผลงานที่มีคุณภาพ เช่น ‘ร้านของเก่า (The Antique Shop)’ นี้ ครับผม (ยิ้ม)

แพจินยอง : มีคำที่ผมพูดติดปากเวลาคุยกับแฟนคลับ ก็คือคำว่าเงา ไม่ว่าผมจะทำอะไรที่ไหนก็ตาม มีความรู้สึกว่าแฟน ๆ คอยอยู่ข้างผมตลอด จริง ๆ แล้วผมมาถ่ายทำผลงานในต่างประเทศ แฟน ๆ ก็จะคอยเป็นห่วงว่าลำบากมั้ย เหนื่อยมั้ย ซึ่งจริง ๆ แล้วผมมองว่าในฐานะศิลปินคนหนึ่ง ที่มีคนชื่นชอบ การพยายามเต็มที่เพื่อผลงานที่ดีที่สุดออกมาให้แฟน ๆ ได้รับชม ได้รับฟัง มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว และความสัมพันธ์ระหว่างตัวศิลปินและแฟน ๆ ผมมองว่ามันเป็นทูเวย์ คือมีทั้งให้และรับ เพราะผมย้ำเสมอว่าการที่เราเป็นคนพิเศษของใครสักคน มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ดังนั้นการที่ผมตอบแทนกำลังใจเหล่านั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมควรต้องทำครับ

Q : ฝากผลงานกับแฟน ๆ ชาวไทยหน่อย?

แพจินยอง : สำหรับภาพยนตร์เรื่องแรกของผม ‘ร้านของเก่า (The Antique Shop)’ ก็ขอให้แฟน ๆ ติดตามและรับชมกัน พวกเราถ่ายทำกันอย่างราบรื่น พร้อมทีมงานนักแสดงคุณภาพ ขอให้ทุกคนมาชมกันที่โรงภาพยนตร์กันเยอะ ๆ นะครับ

มีน : ผมขอฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยครับ เราเป็นประเทศแรกเลยที่ได้ดู เชื่อว่าหนังสยองขวัญไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก คิดดูว่านักแสดงจากหลายประเทสเข้ามาร่วมกันสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มความสามารถ เราอยากให้ทุกคนเข้าไปสัมผัสความสยอง ความน่ากลัว ความสนุกในโรงภาพยนตร์ด้วยกันครับ

ใครที่ชื่นชอบความสยองขวัญ อย่าลืมมาทดสอบความกล้า รวมถึงพิสูจน์ฝีมือการแสดงของ “แพจินยอง” และ “มีน” ได้แล้วใน “ร้านของเก่า (The Antique Shop)” วันนี้ ในโรงภาพยนตร์