จากกรณีนายอภิวัฒน์ ขันทอง ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.พัชรพร จันทรประดิษฐ์ อายุ 23 ปี หรือ น้ำ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 หลังออกมา Call out ผ่านสื่อสังคมออนไลน์นั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ สน.นางเลิ้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมา ตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้นทางเข้า-ออก เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เนื่องจาก น้ำ-พัชรพร จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ในเวลา 11.00 น. วันนี้ จึงอาจมีมวลชนมาให้กำลังใจ โดยวันนี้มีการตรวจเข้มสอบเข้มกว่าทุกครั้ง อนุญาตเพียงสื่อมวลชน และประชาชนที่จะเข้ามาติดต่อราชการกับ สน.นางเลิ้ง เท่านั้น เพื่อป้องกันการแออัด และการระบาดของโควิด-19

ต่อมาเวลา 11.00 น. น้ำ-พัชรพร ได้แจ้งขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน เป็นช่วงบ่าย จนกระทั่งเวลา 13.30 น. น้ำ-พัชรพร พร้อม นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้เดินทางมาถึง สน.นางเลิ้ง ก่อนจะขึ้นไปรับทราบข้อหากับทางพนักงานสอบสวน ในข้อหา ดูหมิ่นโดยการโฆษณา เช่นเดียวกับ น.ส.ดนุภา คณาธีรกุล หรือ “มิลลิ” แร็พเปอร์สาว ที่ถูกแจ้งข้อหาไปก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสอบปากคำนาน 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา 3 ข้อหา ประกอบด้วย กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, หมิ่นประมาท, และดูหมิ่นโดยการโฆษณา จากนั้น น้ำ-พัชรพร เปิดเผยว่า ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้ง ยืนยันว่า ทุกสิ่งที่ได้พูดเป็นการใช้ข้อมูลจริง และในฐานะประชาชน ถ้าขณะนี้ไม่สามารถพูดได้ แล้วเมื่อไหร่จะได้พูด การแสดงความคิดเห็นที่ผ่านมา เป็นการกล่าวเพื่อให้รัฐบาลคิด และสำนึกว่าอยู่ในจุดไหน เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะประชาชนเสียภาษีให้รัฐบาลบริหารประเทศชาติให้ดี

น้ำ-พัชรพร กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ก็จะแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลต่อไป ไม่กลัวว่าจะถูกดำเนินคดี เพราะถ้ากลัวก็คงยอมรับสารภาพไปแล้ว และถ้าตนไม่พูดแล้วใครจะพูด ประชาชนหวังพึ่งกระบอกเสียงจากคนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ หลังจากนี้ ตำรวจนัดส่งอัยการ ที่ศาลอาญารัชดา ในวันที่ 6 ก.ย.

ด้าน นายณวัฒน์ กล่าวว่า สิ่งที่ตำรวจตีความการแสดงความคิดเห็นคือ เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยาม และลดคุณค่า ซึ่งดูถูกนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีบริหารประเทศไม่ดี ทำให้นายกรัฐมนตรีถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังจากประชาชน จากการที่ น้ำ-พัชพร พูดถึงวัคซีนที่เลือกไม่ได้ และการไม่ดูแลประชาชนทำให้เข้าไม่ถึงวัคซีน นอกจากนี้ยังมีการแสดงความเห็น พาดพิง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ที่เคยพูดเรื่องวัคซีนว่าไม่สามารถเลือกได้นั้น น้ำ ได้แสดงความเห็นว่า เป็นการบริหารแบบเผด็จการ ไม่ใช่ประชาธิปไตย ซึ่งการตีความระบุเป็นการกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีบริหารงานแบบเผด็จการ

นายณวัฒน์ กล่าวอีกว่า ยืนยันจะทำในสิ่งที่เหมาะสมต่อไป นายกรัฐมนตรี หรือ คณะรัฐมนตรีคือลูกจ้างของประชาชน ที่ใช้ภาษีของประชาชนทุกบาททุกสตางค์ เมื่ออาสาเข้ามาแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่รับชอบ แต่ไม่รับผิด เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม.