สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากเมืองไฮฟา ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่า นอกเหนือจากการต่อยทำร้ายนักว่ายน้ำ และสร้างความเสียหายต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศมากถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 367 ล้านบาท) สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังตัวโปร่งแสงชนิดนี้ยังอุดตันโรงกลั่นน้ำทะเลและแหประมงอุตสาหกรรม ขณะที่จำนวนตามฤดูกาลของพวกมันเพิ่มขึ้น

“น้ำเริ่มร้อนมากขึ้น และเราเห็นแมงกะพรุนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ” นายกาย ลาเวียน อาสาสมัครพิทักษ์ทะเลจากสำนักงานธรรมชาติและอุทยานอิสราเอล กล่าว “พวกมันสร้างความเสียหายจริงที่นี่ และคุณสามารถพูดได้เลยว่า ภาวะโลกร้อนมีส่วนทำให้เกิดแมงกะพรุนฝูงใหญ่ขนาดนี้”

ทั้งนี้ ข้อมูลของศูนย์สังคมนิเวศวิทยาและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมอิสราเอล (ไอเอสอีอีเอส) ระบุว่า แมงกะพรุน ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง ต่างแย่งชิงอาหารและที่อยู่อาศัยกับสัตว์ทะเลชนิดอื่น และการประมงเกินขนาดเป็นการเอื้อให้พวกมันขยายพันธุ์ได้ตามต้องการ อีกทั้งการรั่วไหวของปุ๋ยทางการเกษตรนอกชายฝั่งยังเป็นสารอาหารสำหรับแมงกะพรุนด้วย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES