จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) ได้โพสต์ข้อความเชิงตำหนิการขับขี่ของรถกู้ภัยที่กำลังไปรับคนไข้ลงในเพจ “ชุมทางทุ่งสง” ว่า “…ฝากถึงรถมูลนิธิสยามรวมใจ นะคะ เวลาขอทาง ให้เวลารถคันหน้าดูรถทางซ้ายมือบ้างนะคะ ไม่ใช่คิดแต่จะจ่อตูดอย่างเดียว คิดถึงความปลอดภัยของคนอื่นเค้าบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความสะดวกของตัวเอง ถึงน้องจะรีบแค่ไหน ด่วนแค่ไหน คิดถึงความปลอดภัยคนอื่นด้วยนะคะ…” ซึ่งภายหลังจากข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปทำให้ชาวเน็ตต่างก็สงสัยว่า ทำไมจู่ ๆ หญิงสาวรายนี้ ถึงได้ตำหนิการขับขี่ของรถกู้ภัยดังกล่าว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายปิยะพงษ์ สุขชนะ ประธานมูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ทุ่งสง ได้โพสต์ข้อความชี้แจงว่าไปทางเพจ “ชุมทางทุ่งสง” แล้วว่า ได้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เบื้องต้นได้มีการสอบถามข้อเท็จจริ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่คนขับรถได้นำคลิปมาเปิดให้ดู กลับพบว่าระหว่างเดินทางไปรับผู้ป่วยวิกฤติสีแดงนั้น มีรถเก๋งสีเขียวขับกีดขวางเส้นทางโดยไม่ยอมหลบหลีกทางให้ แม้จะเปิดไซเรน รวมทั้งออกประกาศทางลำโพงเพื่อขอทางแล้วก็ตาม แต่อีกฝ่ายก็ยังเพิกเฉย จนฝ่ายคนขับรถมูลนิธิฯ ต้องตัดสินใจขับออกซ้ายไปเลนกลางเพื่อเร่งเครื่องแซงขึ้นไปเอง

นายปิยะพงษ์ อธิบายต่อไปว่า ในช่วงท้ายคลิปจะเห็นว่า หลังจากไปรับผู้ป่วยมาแล้ว ปรากฏว่ามีภาวะหัวใจหยุดเต้น เจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ซึ่งหากไปได้เร็วกว่านี้แล้วหัวใจยังไม่หยุดเต้น ก็อาจจะช่วยเหลือไว้ได้ทันการณ์ ทางมูลนิธิฯ ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตด้วย สำหรับ น.ส.เอ ซึ่งทราบมาว่า ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่ รพ.แห่งหนึ่ง น่าจะเข้าใจเรื่องการช่วยผู้ป่วยเป็นอย่างดี ถ้าอาการไม่หนักจริง ทางคนขับรถคงไม่รีบร้อนขนาดนี้…ใจเขาใจเรา

ด้าน นายทรงเกียรติ ศรีขวัญช่วย อายุ 32 ปี หรือ “แบงค์” เจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ผู้ขับรถพยาบาลฉุกเฉิน เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 26 ก.ค. ตนได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือเหตุผู้ป่วยหมดสติ พื้นที่หมู่ 8 ต.เขาโร อ.ทุ่งสง จึงรีบนำรถพยาบาลฉุกเฉินของมูลนิธิฯ ออกช่วยเหลือผู้ป่วยพร้อมเปิดไซเรนขอทาง อย่างไรก็ตามระหว่างทาง มีรถเก๋งคันหนึ่ง ขับชิดเลนขาว โดยทำความเร็วช้า ตนพยายามพูดผ่านเครื่องขยายเสียงเพื่อขอทาง แต่อีกฝ่ายไม่ยอมหลบให้ จึงตัดสินใจขับออกทางซ้าย เพื่อไปรับผู้ป่วยซึ่งอยู่ในสภาพหมดสติ ทำการปั๊มหัวใจระหว่างส่งโรงพยาบาล สุดท้ายไม่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ ซึ่งทางมูลนิธิฯ ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตด้วย

นายทรงเกียรติ เผยอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางมูลนิธิขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต แม้ว้าทางมูลนิธิฯ จะรีบเข้าช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างรวดเร็วแล้ว แต่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ อย่างไรก็ตามทางมูลนิธิขอความร่วมมือประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน หากพบว่ามีรถกู้ภัยเปิดไซเรนขอทาง ขอให้หลบให้ทางกับรถกู้ภัยด้วย เพราะผู้ป่วยรอความช่วยเหลือ ส่วนความเร็วในการขับรถของกู้ภัยที่ไปช่วยเหลือผู้ป่วยนั้น แต่ละเขตทางมูลนิธิมีหลักเกณฑ์เรื่องความเร็วที่แตกต่างกันอยู่ที่ดุลพินิจของคนขับ ที่คำนึงถึงผู้ป่วย 3 ประเภท คือ ผู้ป่วยสีเขียว ผู้ป่วยสีเหลือง และผู้ป่วยสีแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากทาง นายปิยะพงษ์ โพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นลงไป ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่มองว่าการกระทำของ น.ส.เอ นั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่กลับปรากฏว่า น.ส.เอ ยังคงคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกต้อง มีการไปโพสต์ต่อว่าต่อขานฝ่ายกู้ภัยในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมขู่จะฟ้องร้องบุคคลที่กล่าวหาหรือพาดพิงให้เกิดความเสียหาย