เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหายกว่า 20 คน เข้าพบ พ.ต.ต.ประภาส วังงาม สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ. หลังร่วมลงทุนซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลกับนายหน้าเจ้าหนึ่งที่อ้างว่าทำสัญญาซื้อขายสลากฯ กับสำนักงานสลากกินรัฐบาล และบริษัทขายลอตเตอรี่ชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 8-9 บาท ทุก 15 วัน แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามสัญญา โดยมีผู้เสียหายรวมแล้วกว่า 40 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 86 ล้านบาท

นายเอกภพ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้เสียหายได้นำเงินไปร่วมลงทุนระดมซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล กับนายหน้าคนหนึ่งที่อ้างว่าได้ทำสัญญาซื้อขายสลากฯ กับบริษัทดังกล่าว ต่อมานายหน้าแจ้งกับกลุ่มผู้เสียหายว่าบริษัทฯ ถูกจับกุมฐานขายสลากฯ เกินราคาที่กำหนด ทำให้เงินที่ร่วมลงทุนถูกเจ้าหน้าที่อายัดไว้ไม่สามารถคืนเงินให้ได้ แต่ตนคิดว่าไม่เป็นความจริง และทางบริษัทฯ คงไม่เกี่ยวข้อง จึงพาผู้เสียหายมาแจ้งความ เพื่อให้ตำรวจช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ผู้เสียหายร่วมลงทุนกับนายหน้าคนนี้ ถูกอายัดตามที่กล่าวอ้าง หรือโยกย้ายไปที่คนกลุ่มใดหรือไม่

นายอิทธิพล ไกรศักดิ์ศรี อายุ 30 ปี เปิดเผยว่า พี่สาวเพื่อนสนิทชักชวนให้ร่วมลงทุนธุรกิจดังกล่าว โดยอ้างว่านายหน้าที่จะนำเงินไปลงทุนด้วยมีสัญญาซื้อขายสลากฯ โดยตรง กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งช่วงแรกได้รับเงินปันผลจริง จึงทยอยลงทุนเพิ่มรวมเป็นเงิน 44 ล้านบาท กระทั่งเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นายหน้าแจ้งว่าเกิดปัญหายี่ปั๊วไม่สามารถส่งสลากฯ มาได้ และให้รอเงินปันผล ขณะที่เงินต้นจะโอนคืนวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงเวลาก็ขอผัดผ่อน ไม่ยอมคืนเงิน จึงต้องมาขอให้ตำรวจ ปอศ.ช่วยเหลือ ส่วนนายหน้าคนนี้ จะนำเงินของผู้เสียหายไปลงทุนร่วมกับบริษัทขายสลากฯ เอกชนอีกทอดหนึ่งหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ

นายกมล ใจเพชร อายุ 49 ปี กล่าวว่า ตนนำรถยนต์ไปจำนำและบ้านไปจำนอง กู้หนี้ยืมสินไปลงทุนธุรกิจดังกล่าว รวม 1.2 ล้านบาท แต่เมื่อไม่ได้รับเงินปันผลตามสัญญา ทำให้ทุกวันนี้เดือดร้อน ต้องแบกรับภาระหนี้ทั้งหมดไว้ นอกจากนี้ยังมีคนรู้จักหลายคน ซึ่งเป็นผู้พิการก็นำเงินไปร่วมลงทุน หวังจะมีรายได้จุนเจือตัวเองและครอบครัว แต่ผลที่ได้กลับต้องมาสูญเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตไป

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.