เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการ กทม. 2 (ดินแดง) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวกรณีผู้บริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ออกมาระบุถึงปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า บีทีเอสไม่ใช่จำเลยสังคมแต่เป็นเจ้าหนี้เคที ว่า เมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) เป็นการพูดในส่วน กทม.กับเคที ไม่ได้มีการพาดพิงถึงบีทีเอสแต่อย่างใด ทั้งนี้ เมื่อมีความไม่ชัดเจนและมีข้อขัดแย้ง รวมถึงหากหาข้อยุติไม่ได้ กทม.จึงมี 2 แนวทาง คือ 1.ตั้งคณะทำงานร่วมกับสภา กทม. 2.ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาช่วยพิจารณา ว่าขั้นตอนการทำสัญญานั้นเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะส่วนต่อขยายที่ 2 และ กทม.มีสิทธิจ่ายเงินได้หรือไม่ ส่วนเรื่องการจะเปิดเผยสัญญาของบีทีเอสหรือไม่ เป็นเรื่องอนาคตระหว่างเคที กับ บีทีเอสซี ที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชน

นายชัชชาติ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ระหว่างการสอบสวนอยู่นั้น ทราบว่า เคที ได้ทำหนังสือสอบถามความคืบหน้าไปแล้ว จึงมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีปัญหา เพราะไม่ผิดกฎหมาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการต่อรอง ขณะที่การเรียกเก็บเงินค่าลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่ให้โอนโครงการจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้กับ กทม. ขณะนี้ยืนยันว่า กทม.ยังไม่สามารถจ่ายเงินดังกล่าวได้ เพราะมูลหนี้ทั้งหมดที่เป็นส่วนการลงทุนและการเดินรถเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาสัมปทาน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)