เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่บช.น. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษก บช.น.และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ร่วมแถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และแนวร่วมกลุ่มต่างๆ

โดย พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีการประกาศรวมตัวและเคลื่อนไปยังสถานที่สำคัญ มีการเผาทำลายสถานที่ทรัพย์สินของราชการเสียหาย ใช้อาวุธและสิ่งเทียมอาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ควบคุมฝุงชน( คฝ.)หลังประกาศยุติการชุมนุมยัง มีการเคลื่อนไปต่อเนื่องเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯและความผิดตามกฏหมายอื่นๆอีกหลายส่วน

ด้านพล.ต.ต.ปิยะ ลำดับเหตุการณ์ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมนัดหมายบริเวณอนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย โดยตำรวจท้องที่ได้ประกาศให้ยุติการชุมนุมเนื่องจาก กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดห้ามรวมตัวทำกิจกรรม แต่มวลชนยังไม่เชื่อฟังและเชิญชวนไปชุมนุมต่อที่ทำเนียบรัฐบาล พยายามฝ่าแนวกั้นเจ้าหน้าที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าและเดินทางไปแยกนางเลิ้ง-เข้าถนนพิษณุโลก โดยรื้อสิ่งกีดขวางบริเวณ เชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ แต่ฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ จึงประกาศรวมตัวกัน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเคลื่อนไปยังถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อชุมนุมบริเวณกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์

 โดยตำรวจได้ตั้งแนวไว้บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง จุดนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้หัวน็อต ลูกแก้ว พลุเพลิง ปะทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง ขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะ กระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. ได้มีการประกาศยุติการชุมนุม แต่บางส่วนยังอยู่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงและอนุสารีย์ชัยฯ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ โดยยืนยันการดำเนินการต่างๆเป็นไปตามหลักสากลและปฏิบัติตามยุทธวิธีตำรวจทุกประการ พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ปิดกั้นเส้นทางที่ส่งผลต่อการลำเลียงผู้ป่วย ไปรพ.แต่อย่างใด 

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดีรวมทั้งหมด 12 คน ประกอบด้วย กลุ่มแรกจำนวน 2 คน ยึดคีมตัดลวด,วิทยุสื่อสาร,เกราะอ่อน,หน้ากากกันแก๊สน้ำรถยนต์ ในห้องพักโรงแรมย่านถนนข้าวสาร ,กลุ่มที่สอง จำนวน 6 คน ตรวจค้นพบพลุไฟ 5 อัน ,หนังสติ๊ก,หัวน๊อต,วิทยุสื่อ,เกราะอ่อน,รถยนต์ 2 คัน ภายในวัดมหรรณพาราม เบื้องต้นดำเนินคดีทั้ง 2 กลุ่ม ข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร พร้อมส่งพลุเพลิงที่ยึดได้ตรวจพิสูจน์หากเป็นวัตถุระเบิดก็จะมีการตั้งข้อหาอีกส่วนหนึ่ง

นอกจากนี้ ช่วงบ่ายจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ และวางเพลิงเผาทรัพย์ อีก 4 คน ส่วนข้อหาอื่นๆ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดย ผบ.ตร.กำชับให้ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดทุกข้อหา

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 นาย ถูกยิงด้วยหนังสติ๊กหัวน็อตฝังบริเวณลำคอ กำลังผ่าตัดที่ รพ.ตำรวจ ส่วนความเสียหายมีการเผารถคุมผู้ต้องหา 1คัน ราคา 7-8 แสนบาท,ทุบทำลายป้อมยามตำรวจ และความเสียหายอื่นๆ ต้องทำการสำรวจอีกครั้ง