จากผลพ่วงต่อเนื่องจากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันพุธ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา มีมติ 5:4 ให้ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ระหว่างศาลรับพิจารณาการเป็นนายกรัฐมนตรี ครบ 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ส่งผลทำให้ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เบอร์ 1 ได้ขึ้น รักษาการนายกรัฐมนตรี เหมือนทุกครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ต้องไปภารกิจในต่างประเทศ

จั่วหัวไว้ว่า “โผตำรวจ…แหก” ก็ชัดเจนว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีตำแหน่งประธาน ก.ต.ช. โดยตำแหน่ง ในการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งกำหนดเอาไว้วันจันทร์ที่ 29 ส.ค.65 นี้ โดยมีโผนายพลสีกากีสะพัดออกมาตั้งแต่กลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาแล้ว คาดกันเอาไว้ว่า บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ (นรต.38) รอง ผบ.ตร. น่าจะได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุม ก.ต.ช. โดย บิ๊กปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข (นรต.36) ผบ.ตร. ส่งไม้ต่อในหน้าที่สูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เมื่อมาเกิดฟ้าผ่า พล.อ.ประยุทธ์ แบบไม่คาดฝันจนเกิดภาวะ “หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ” ในคราวนี้ ทำให้ต้องเปลี่ยนหัวโต๊ะ ประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)ไปโดยปริยาย พล.อ.ประวิตร จึงต้องมารับทำหน้าที่ตาม “ออร์เดอร์” เพื่อเดินหน้าเลือก “พิทักษ์ 1” เหมือนเดิมแน่นอน เพราะเก้าอี้นี้เคาะโต๊ะเสนอชื่อ ผบ.ตร.กันจบไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนในที่ ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ พล.อ.ประวิตร ก็ต้องมานั่งเป็นประธานแทน “น้องตู่” ซึ่งต้องพิจารณาแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร. 4 นาย และ ผู้ช่วย ผบ.ตร. 6 นาย ก็น่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ รอง ผบ.ตร. อาจจะมีเปลี่ยนตัว 1 นาย น้องรักของ ผบ.ปั๊ด อาจจะสู้น้องรักของ ผบ.ป๊อด ไม่ไหว งานนี้ต้องลุ้นดูตามรายชื่อที่เสนอไว้ในประชุมก.ตร.จะเหมือนหรือแตกต่างไปจากเดิม แหล่งข่าวกระซิบว่าช่วงนี้เห็น ผบ.ปั๊ด เดินเข้าออกมูลนิธิบ้านป่ารอยต่อฯ มาแล้ว 2 วันติดๆ กัน ส่วน ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาจจะมีสลับ 1-2 เก้าอี้ แต่ 4 ตัวหลักที่ได้ลุ้นยาวๆ ถึง พล.ต.อ. ยังเหมือนเดิม

สำหรับการประชุมในวันจันทร์ที่ 29 ส.ค.นี้ ในเมื่อเปลี่ยนตัวประธาน ก.ต.ช.และ ก.ตร.แล้ว พล.อ.ประวิตร เลยจัดเปลี่ยนสถานที่จากทำเนียบรัฐบาล มาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มันจบๆ ไปเลยทีเดียวแบบวันสต็อปเซอร์วิสนั่นเอง โดยการประชุมใช้ห้องศรียานนท์ เวลา 14.00 น. จะประชุม ก.ต.ช. เสร็จแล้วเวลา 15.00 น. ประชุม ก.ตร.ต่อทันทีทำให้มีการจับตาไปยังเก้าอี้ นายพลสีกากีป้ายแดง ระดับ ผบช.-ผบก. (ผบช. 13 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 36 ตำแหน่ง และ ผบก. 77 ตำแหน่ง) ที่น่าจะยังคุกรุ่นฝุ่นตลบกันอยู่ ไม่ว่าพวกหน้าเดิมหรือหน้าใหม่ ที่เดินเข้าคอกเข้าไลน์หา ”นายกฯตู่” มาโดยตลอด อาจจะร้อนๆ หนาวๆ เพราะทั้งวงการรู้กันดีว่า หาก “ลุงป้อม” ลงมาดูตำรวจอีกครั้ง จะหอบเอา “น้องรัก-รักน้อง” มาเป็นที่ปรึกษาเช็กประวัติของ “นายตำรวจ” แต่ละคนที่จะขยับจะเลื่อนสไลด์หรือขึ้นชั้นด้วยเสมอมา

แม้ว่าในห้วง 2-3ปีที่ผ่านมา “ลุงป้อม” จะไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงกับตำรวจ แต่ก็ยังมี “โควตาสายการเมือง” ที่ต่อท่อกันไว้มาจาก “น้องรัก-รักน้อง” ทำให้เป็นที่รู้กันใครเข้าไลน์ได้ไม่ผิดหวังแน่นอน อย่างไรก็ดีเก้าอี้ “ผบช.” ในส่วนของโควตาการเมือง และผู้ใหญ่ นั้นเป็นที่รู้กันในที่ประชุมก.ตร.จะไม่แตะอยู่แล้ว คงมีเพียงเก้าอี้ ระดับผู้บัญชาการ ตัวเลขต่างๆ อาจจะมีเซอร์ไพรส์พลิกโผโดนขยับกันมากกว่าระลอกเดิมแน่นอน เพราะบางคนถูกวางตัวไว้เป็น ผบช.หลัก แต่อาจจะพลาดหวังไปนั่งเป็น ผบช.ประจำ ก็เป็นได้ รวมไปถึงบรรดา ผู้การจังหวัด ทั้งหลาย ทั้งที่ครบเกณฑ์ขออยู่ต่อ อยู่ 1-2 ปี ขออยู่ต่อ ไม่อยากขยับเพราะใกล้เกษียณแล้ว ก็อาจจะพลาดหวัง

แต่ที่แน่ๆ เก้าอี้ “นครบาล” ชื่อของ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก (นรต.40) รอง ผบช.น. ยังเต็งอยู่เหมือนเดิม เช่นเดียวกันเก้าอี้ ผบช.สอท. หรือ ผู้บัญชาการไซเบอร์ ที่เจ้าของเดิมอย่าง พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง (นรต.41) จะขออยู่ต่อ ก็ต้องหลีกทางให้ นายพลหน้าใหม่ ที่ถูกเสนอชื่อขึ้นมาแทนค่อนข้างแน่ ถึงแม้จะเปลี่ยนตัวประธาน ก.ตร.

ทิ้งท้ายไว้ว่าโอกาสแบบนี้ที่จะได้ขยับเขย่าโผ “นายพลสีกากี” อีกครั้งของ “ลุงป้อม” หาไม่ได้ง่าย!! ก็น่าจะมีการใช้โอกาสนี้สนับสนุนคนในสายให้เติบโตสมดังใจ ก่อนจะมีการใช้ พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ ในการแต่งตั้งคราวหน้าแน่นอน.