วันที่ 26 ส.ค. ชาวบ้านในเขต อ.แคนดง และ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ต่างผวามวลน้ำที่ไหลมาจากอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ที่ปล่อยออกมา แล้วมาสมทบกับลำตะโคง อ.บ้านด่าน ก่อนจะไหลไปอ่างเก็บน้ำลำตะโคง จนล้นสปริงเวย์ มวลน้ำดังกล่าวไปกัดเซาะคอสะพานที่บ้านหัวฝาย ทำให้น้ำทะลักคอสะพานมีน้ำที่ล้นสปริงเวย์ ส่งผลให้ถนนสันอ่างเก็บน้ำขาดชาวบ้านบริเวณนั้นต่างผวา คิดว่าอ่างเก็บน้ำแตก บางครอบครัวเตรียมอพยพตัวเองออกจากพื้นที่

นางพิมพ์พร ประทุมวัง อายุ 65 ปี อยู่เลขที่ 277/3 หมู่ 10 ต.หัวฝาย อ.แคนดง บอกว่า น้ำปีนี้มาหนักถึง 2 รอบ ครั้งแรกท่วมไร่อ้อย 18 ไร่น้ำท่วมขังเสียหายทั้งหมด มาถึงรอบนี้น้ำได้ท่วมนาข้าวที่กำลังเจริญเติบโตอีก 20 ไร่ ยังไม่รู้ชะตากรรม หากน้ำไม่ลดนาข้าวทั้งหมดต้องเสียหายอย่างแน่นอน ส่วนเงินเยียวยาที่รัฐบาลจะสนับสนุนมา ไม่คุ้มกับต้นทุนการทำการเกษตร เพราะปุ๋ยราคาแพง

ด้าน นายสัญญ์ธวัชช์ ริ้วเหลือง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุหลังมาตรวจสถานการณ์ว่า เบื้องต้นพบว่า ปริมาณน้ำได้เข้ากัดเซาะคอสะพาน ทำให้น้ำทะลักออกมา แต่ไม่พบรอยรั่วของอ่างเก็บน้ำตามที่ชาวบ้านกลัวกัน ปริมาณน้ำที่ไหลทะลักออกมาดังกล่าว มีวัด และบ้านเรือนชาวบ้านจำนวน 3 หมู่บ้านมีบ้านปอแดง, บ้านตะแบง อ.แคนดง และบ้านตลาด อ.สตึก ที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น แต่จากการประเมิน คาดว่าถ้าฝนไม่ตกลงมาซ้ำอีก ภายในคืนนี้จะสามารถอุดรอยรั่วได้สำเร็จ