เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์ข้อมูลสำหรับตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ระหว่างกรมการขนส่งทางบก โดยนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กับ กรมคุมประพฤติ โดยพันตำรวจเอก ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เพื่อคัดกรองผู้ขับรถที่มีคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะมีผลทันทีนับแต่วันลงนามซึ่งกรมคุมประพฤติจะดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับการพักการลงโทษและลดวันต้องโทษ ที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติให้แก่กรมการขนส่งทางบก เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ตามมาตรา 47 และมาตรา 49  แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 แต่เพิ่งจะมีการเชื่อมข้อมูลในครั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อจำกัดในเรื่องเทคโนโลยีซึ่งต่อไปนี้จะสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยเว่า ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ได้กำหนดคุณสมบัติสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถไว้ เช่น ต้องเป็นผู้มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการขับรถอย่างปลอดภัย เป็นต้น ทั้งยังได้กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถไว้ด้วย โดยผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกหรือกระทำความผิดตามกฎหมายจะขอรับใบอนุญาตขับรถไม่ได้ ได้แก่ ผู้ขอรับใบอนุญาตที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 47 ผู้เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุด    ให้ลงโทษหรือถูกเจ้าพนักงานเปรียบเทียบปรับตั้งแต่สองครั้งขึ้นไป ในความผิดเกี่ยวกับการขับรถ เช่น ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ขับรถในขณะเมาสุรา เป็นต้น ซึ่งกรณีนี้ต้องพ้นโทษครั้งสุดท้ายไม่น้อยกว่า 6 เดือน จึงจะสามารถออกใบอนุญาตให้ได้

กรณีผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถสาธารณะที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 49 ซึ่งเคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาของศาลในความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ หรือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เช่น ความผิดฐานลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย ข่มขืนกระทำชำเรา   เสพหรือค้ายาเสพติดให้โทษจะไม่สามารถขอรับใบอนุญาตขับรถได้ ยกเว้นเป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือเป็นความผิดลหุโทษ หรือพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี

โดยกรมฯจะตรวจสอบประวัติ  การกระทำความผิดจากศูนย์ข้อมูลประวัติอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งกรมคุมประพฤติจะจัดส่งข้อมูลให้กรมการขนส่งทางบกอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น.