เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ห้องประชุมชั้นสอง อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ร่วมแถลงจับกุมนายธารา เจริญนาคา หรือ นายครรชิต แตงจุ้ย หรือ อดีต พ.ต.ท.ครรชิต แตงจุ้ย รอง ผกก.จร.สน.บางรัก อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมุกดาหาร ที่ 111/2565 ลงวันที่ 7 ก.ย.65 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง จับกุมได้หน้าที่พักภายในซอยวิภาวดี 40/2 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า นายครรชิต กับพวกติดต่อขอซื้อทองคำรูปพรรณจากร้านทอง และจะชำระเงินด้วยการสั่งจ่ายเป็นเช็คธนาคาร โดยขอหมายเลขบัญชีธนาคารของผู้เสียหายไป แล้วออกอุบายแจ้งกับร้านทองให้ทราบว่า เงินเข้าบัญชีแล้ว เมื่อร้านทองตรวจสอบธนาคารในเวลาดังกล่าวปรากฏข้อมูลแจ้งว่า มีเงินเข้าบัญชีของทางร้านผู้เสียหาย จึงมอบทองคำรูปพรรณให้กับผู้ต้องหาไป แต่หลังจากผู้ต้องหาออกจากร้านไปตรวจสอบอีกครั้งพบว่าไม่มียอดเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีผู้เเสียหายแต่อย่างใด

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยต่อว่า ซึ่งผู้ต้องหาอาศัยช่องว่างการเคลียริ่งเช็คธนาคารที่จะปรากฏยอดแจ้งว่ามีเงินเข้าบัญชีแต่เป็นยอดเคลียริ่งไม่ใช่เงินสด เป็นเหตุให้ร้านทองได้รับความเสียหาย และเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นศาลออกหมายจับ ต่อมาตำรวจ บก.ป. และ บก.ปทส. แกะรอยติดตามตัวนายครรชิต จนพบเบาะแสว่า หลบหนีคดีไปกบดานอยู่ที่บ้านดังกล่าว จึงเข้าตรวจสอบจับกุมไว้ได้

ผบช.ก. เปิดเผยด้วยว่า สอบสวน นายครรชิต เบื้องต้นให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยเงินที่ได้จากการฉ้อโกงทั้งหมดถูกนำไปใช้เป็นทุนเล่นการพนันในบ่อนประเทศเพื่อนบ้าน และยอมรับว่าได้ใช้ความรู้จากการเป็นตำรวจเก่า ไปกระทำความผิดและหลบเลี่ยงการถูกจับกุมโดยเฉพาะการเปลี่ยนชื่อและโทรศัพท์ที่เจ้าหน้าที่มักใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุม ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดที่เหลือ ส่วนนายครรชิต ทาง บก.ป.จะคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับ นายครรชิต เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) 36 มีประวัติสำคัญเกี่ยวพันกับคดีการหายตัวไปของนายชัยรัตน์ รุ่งเรือง หรือ “เสี่ยติงนัง” สจ๊วตหนุ่มสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.50 สมัยนายครรชิตยังดำรงตำแหน่งเป็นรอง ผกก.จร.สน.บางรัก ซึ่งคดีดังกล่าวจนขณะนี้ยังไม่มีวี่แววของนายชัยรัตน์ แต่ในเวลาต่อมานายครรชิต ถูกจับกุมหลังนำรถเบนซ์ของนายชัยรัตน์ ไปขายเต็นท์รถมือสอง และยังได้ร่วมกับลูกน้องที่เป็นตำรวจ ปลอมลายมือชื่อนายชัยรัตน์ในตั๋วแลกเงินไปขึ้นเงินกับธนาคาร โดยศาลพิพากษาจำคุก 15 ปี 6 เดือน

หลังพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 15 ส.ค.55 นายครรชิตกับพวกก็ได้ร่วมกันฉ้อโกงร้านทองหลายร้าน โดยใช้อุบายทำทีซื้อทองไปซื้อทองคำ ซึ่งอาศัยช่องว่างของการเคลียริ่งของธนาคาร ได้เงินไปหลายสิบล้านบาท ก่อนจะถูกจับกุมตัวได้เมื่อปี 58 และหลังจากพ้นโทษออกมาในปี 65 ได้ตระเวนออกทำความผิดอีกในลักษณะเดิม ในพื้นที่ จ.หนองคาย และ จ.มุกดาหาร ซึ่งระหว่างที่ผู้ต้องหาได้หลบหนีการประกันตัวในคดีของศาลจังหวัดหนองคาย และก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมในครั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา นายครรชิต ยังได้ไปก่อเหตุฉ้อโกงร้านรับแลกเงิน ย่านถนนสุรวงศ์ เขตพื้นที่ สน.บางรัก โดยใช้อุบายหลอกลวงอาศัยช่องว่างของการเคลียริ่งของธนาคารในลักษณะเดิม ได้เงินสดไปอีก 22,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8 แสนบาท อีกด้วย.