เมื่อเวลา 10.19  น. วันที่ 28 เม.ย. ที่พระบรมมหาราชวัง คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราสถลมารค ภายใต้คณะกรรมการฝ่ายพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีการฝึกซ้อมใหญ่เสมือนจริง ริ้วขบวนแห่พระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร ซึ่งเป็นริ้วขบวนที่ 1 สำหรับกำลังพลที่ร่วมฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 1 มาจากหน่วยราชการในพระองค์, หน่วยเฉพาะกิจกองพลที่ 1 รักษาพระองค์, หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 ตลอดจนหน่วยงานในกองทัพบกและเหล่าทัพ นอกจากนี้ ยังมีกองทหารเกียรติยศจากหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 ร่วมฝึกซ้อมด้วย

สำหรับฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 1 ริ้วขบวนแห่พระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร โดยพระราชยานกง ในวันที่ 3 พ.ค.2562 ขบวนเริ่มต้นจากพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มายังที่พระแท่นมณฑลพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประกาศการบรมราชาภิเษก รวมระยะทางเดิน 220 เมตร โดยใช้กำลังพล 133 นาย รูปแบบการเดินใช้กลองใหญ่ให้จังหวะในการเดินเช่นกัน สำหรับพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ใช้เป็นพระราชพิธีมณฑลในการประกอบพิธีบรมราชาภิเษกในทุกรัชกาล สำหรับริ้วขบวนเชิญพระสุพรรณบัฏ มีการจัดขบวนประกอบด้วยส่วนนำริ้ว ส่วนพระราชยาน ส่วนฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหน้าและฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหลัง

ต่อมาเวลา 16.34 น. ได้จัดการฝึกซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พยุหยาตราสถลมารคเสด็จเลียบพระนครในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เป็นการฝึกซ้อมใหญ่ ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 3 ขบวนพยุหยาตราสถลมารคเลียบพระนคร อันเป็นริ้วขบวนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกจากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ในพระบรมมหาราชวัง ไปทรงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร-วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม-วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ด้วยพระราชยานพุดตานทอง รวมระยะทาง 6.77 กิโลเมตร รวมเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง โดยริ้วขบวนมีความยาวเกือบ 500 เมตร 

ทั้งนี้ มีบุคคลสำคัญร่วมฝึกซ้อม ตอนผู้อำนวยการริ้ว ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด,  พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก อยู่ในส่วนแถวแซงเสด็จพระราชยานพุดตานทอง

สำหรับเส้นทางที่ใช้ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร เริ่มจากเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เลี้ยวซ้ายประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวขวาประตูวิเศษไชยศรีมุ่งหน้าสู่ถนนหน้าพระลาน เลี้ยวซ้ายแยกศาลหลักเมืองถนนราชดำเนินใน แล้วเลี้ยวขวาแยกผ่านภิภพลีลา ถนนราชดำเนินกลาง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนตะนาว ตรงไปยังเกยวัดบวรนิเวศวิหาร ระยะทาง 1.9 กม.

ต่อมาออกจากวัดบวรนิเวศ เลี้ยวขวาถนนพระสุเมรุ และเลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินกลาง ตรงไปยังแยกโรงแรมรัตนโกสินทร์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบคลองหลอด ตรงไปจนถึงแยกถนนอัษฎางค์แล้วเลี้ยวขวา เข้าถนนเฟื่องนครไปตามเส้นทางหลังกระทรวงมหาดไทย จนถึงเกยประตูวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ระยะทาง 3.18 กม.จากนั้นขบวนออกจากเกยประตูวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ตรงไปเลี้ยวขวาถนนเจริญกรุง มุ่งหน้าสู่แยกท้ายวัง เข้าสู่ถนนท้ายวังตรงไปยังเกยวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ระยะทาง 500 เมตร ต่อมาริ้วขบวนออกจากเกยวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทางถนนท้ายวัง เลี้ยวขวาถนนมหาราช มุ่งหน้าสู่แยกท่าช้าง แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน ตรงไปจนถึงหน้าประตูวิเศษไชยศรี และเลี้ยวขวาเข้าประตู ตรงไปจนถึงประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวซ้ายกลับไปยังพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง รวมระยะทาง 6.77 กม.

สำหรับรูปแบบริ้วขบวนนั้นเป็นการเดินตามเสียงกลองนับก้าว 75 ก้าวต่อนาที ก้าวละ 40 ซม. ประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร รวมทั้งสิ้น 6 เพลง ได้แก่ มาร์ชธงชัยเฉลิมพล, มาร์ชราชวัลลภ, เพลงใกล้รุ่ง, เพลงยามเย็น, เพลงสรรเสริญเสือป่า และเพลงสรรเสริญพระนารายณ์ ใช้พลแบกหาม 32 นาย และจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพลแบกหามทุก 500 เมตร 

รูปแบบริ้วขบวน เริ่มจากม้านำ 2 ม้า จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดุริยางค์ทหารบก นำขบวน 109 นาย หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 เป็นผู้บัญชาการกองผสม 1 นาย ทส.ผบก.กองผสม 1 นาย นายทหารประจำกองผสม 8 นาย กองพันทหารเกียรติยศ นำจาก ร.1.รอ.166 นาย หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 นำริ้ว 1 นาย ต่อมาเป็นกลองมโหรทึก 16 นาย สารวัตรกลอง 4 นาย กลองชนะลายเงิน 40 นาย กลองเงิน 40 นาย กลองชนะแถวลายทอง 40 นาย กลองชนะลายทอง 40 นาย สารวัตร 2 นาย แตรฝรั่ง 20 นาย แตรงอน 32 นาย สังข์ 8 นาย 

ถัดมาเป็นตอนผู้อำนวยการริ้ว ซึ่งประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประกอบด้วย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวม 13 นาย ตามด้วยเครื่องสูงหน้าประกอบด้วย ธงสามชาย 4 นาย ฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหน้า 40 นาย

จากนั้นเป็นพระราชยานพุดตานทอง ที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับนั่งอยู่ ซึ่งจะมีคู่เคียงพระราชยาน อันเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ฯ ฝ่ายพลเรือน และฝ่ายทหารอยู่คู่เคียงพระราชยานทั้ง 2 ฝั่ง ถัดมาเป็นฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหลัง 40 นาย ดุริยางค์กองทัพบก 74 นาย และปิดท้ายด้วยกองพันตามจากทหารกองพันเกียรติยศ ร.11.รอ.จำนวน 166 นาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของเรือราชพิธีในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น วันที่ 29 เม.ย. สำนักพระราชวังจะเข้ามาดำเนินการติดตั้งฉัตรเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ณ อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ และเจ้าหน้าที่แผนกเรือราชพิธี จะดำเนินการติดตั้งอุบะและมาลัยเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ และวันที่ 30 เม.ย. จะมีการซ้อมใหญ่เสมือนจริง โดยเริ่มจากอู่จอดเรือที่ 1 อู่ทหารเรือธนบุรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ไปยังท่าราชวรดิฐ เพื่อเป็นการถวายพระราชอิสริยยศ เครื่องราชูปโภคตามโบราณราชประเพณี ซึ่งพิธีจริงจะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ค.นี้