จากกรณี น.ส. เอ นามสมมุติ ทหารสังกัดกองทัพไทย ยศสิบตรี ที่ถูกอดีต สตท.(หญิง) กรศศิร์ บัวแย้ม หรือ “เจ๊นุช” อายุ 43 ปี ผบ.หมู่ กก.4 บก.1 ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ทำร้ายร่างกายจนกลายเป็นข่าวครึกโครม เนื่องจากมีการพาดพิงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเรื่องดังกล่าวอยู่ในกระบวนการยุติธรรม แต่ภายหลังกลับเกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อ จู่ ๆ ก็มีคนร้ายขับรถมาดักรอฝ่าย น.ส.เอ ที่นั่งรถญาติออกจากบ้านพัก ก่อนจะขับจี้ท้ายเปิดไฟสูงใส เหมือนกับต้องการกลั่นแกล้ง จนสุดท้ายฝ่ายผู้เสียหายต้องขับรถเข้าไปในที่ชุมชน จนอีกฝ่ายล่าถอยไป

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ “กัน จอมพลัง” พร้อมทีมงานได้เดินทางมาพบกับ น.ส.เอ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเนื่องจากในวันจันทร์ที่ 17 ต.ค.นี้ พนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนให้อัยการฟ้องแล้ว โดย น.ส.เอ ได้เล่าเรื่องที่โดนคนร้ายขับรถเปิดไฟสูงใส่ว่า วันเกิดเหตุคนขับคือน้าสาวของตน ตอนแรกคิดว่ารถคนร้ายต้องการแซงให้พ้นไป แต่กลับขับมาต่อท้ายก่อนเปิดไฟสูงใส่ จนต้องขับไปในพื้นที่ชุมชน ซึ่งรถคันดังกล่าวได้วนรถกลับไปอีกทาง เรื่องนี้สร้างความหวาดกลัวให้ตนและครอบครัวเป็นอย่างมาก เหมือนคนร้ายต้องการกกลั่นแกล้งให้เกิดอุบัติเหตุ

ภายหลัง “กัน จอมพลัง” กล่าวว่า คดีนี้ไม่มีทางเงียบ ยังติดตามอยู่เรื่อย ๆ เพียงแต่เรื่องนั้นอยู่ในขบวนการของกฎหมาย และยังเป็นที่สนใจของประชาชนอยู่ แต่วันนี้ที่มาติดตามคดีน้องและจะไปขอดูกล้องวงจรปิดในจุดอื่น ๆ ก็ทราบว่า “….เสียทั้งตำบล…” แต่ก็จะพาน้องไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เพื่อป้องกันความปลอดภัย ที่ผ่านมาก็มีเจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดภัยให้น้องอยู่แล้ว แต่เวลาในช่วงเกิดเหตุอาจจะคลาดเคลื่อนกัน

ด้าน น.ส.เอ กล่าวว่า รู้สึกกลัวกับเหตุการณ์นี้มาก เพราะในซอยเข้าบ้านนั้นจะเป็นซอยส่วนบุคคล ซึ่งเป็นญาติพี่น้องกันหมดและหากว่ามีรถแปลกเข้าไปก็จะรู้ทัน เพราะปกติจะไม่มีรถคนแปลกหน้าเข้าไป และรถคันนี้ก็ไปจอดดับเครื่องรถ พอน้าสาวขับรถเข้าไป คนร้ายก็ติดเครื่องขับตามมาทันที มีเพื่อนบ้านเป็นพยานได้ จากนี้ตนเกรงว่าชีวิตอาจจะไม่ปลอดภัย เพราะช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่จะกลับบ้านทุกวัน การเดินทางไปสอบปากคำ แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความปลอดภัย แต่ในช่วงเกิดเหตุอาจจะคลาดเคลื่อนกัน หลังจากนี้ คงต้องคอยระวังตัวมากขึ้น.