สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) มีมติยกระดับการคว่ำบาตรอิหร่าน จากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.มาห์ซา อมินี เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา โดยเป็นการเพิ่มชื่อบุคคลสัญชาติอิหร่าน 11 คน และหน่วยงานอีก 4 แห่ง ซึ่งรวมถึงสำนักงานตำรวจศีลธรรม ที่เป็นผู้จับกุมอมินี “โทษฐานแต่งกายไม่เรียบร้อย”


ขณะที่นายโฮเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของสมาชิกหลายชาติเรียกร้อง การให้สหภาพขยายขอบเขตมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน จากกรณีการมอบความสนับสนุนด้านอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้รัสเซียใช้ในปฏิบัติการทางทหารที่ยูเครน

นายโฮเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู)


ด้านนายฮอสเซ็น อมิราบโดลลาเฮียน รมว.การต่างประเทศอิหร่าน กล่าวถึงมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของอียูว่า “ไม่สร้างสรรค์และเต็มไปด้วยความผิดพลาด” พร้อมทั้งย้ำว่า รัฐบาลเตหะรานไม่เคยมอบความสนับสนุนทางทหารให้แก่รัสเซีย เพื่อใช้ในสงครามที่ยูเครน


ทั้งนี้ กองทัพรัสเซียปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ระลอกใหม่เป็นครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว ต่อกรุงเคียฟและเมืองใหญ่อีกหลายแห่งของยูเครน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลเคียฟกล่าวว่า นอกจากมีการใช้ขีปนาวุธแล้ว กองทัพรัสเซียยังใช้ “โดรนกามิกาเซ่” ของอิหร่านด้วย


อนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว ยูเครนลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน เนื่องจาก “มีหลักฐาน” ว่า รัฐบาลเตหะรานมอบความสนับสนุน โดรนกามิกาเซ่ “ชาเฮด-136” และโดรน “โมฮาเจอร์-6” ให้แก่รัสเซีย.

เครดิตภาพ : REUTERS