สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ว่า จำนวนผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นราว 10% เป็นประมาณ 30% ของระดับก่อนการระบาด นับตั้งแต่ญี่ปุ่นคืนสิทธิการเดินทางไปต่างประเทศแบบไม่ต้องขอวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา
“การกลับสู่ระดับเดียวกับปี 2562 ญี่ปุ่นเปิดประเทศเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ” ทามุระ กล่าว “แน่นอนว่าจีนต้องเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ไม่เช่นนั้นมันก็จะเป็นไปไม่ได้เลย”
Japan travel industry's recovery depends on China reopening- Narita Airport CEO https://t.co/KzqvJEtWdR
— Reuters China (@ReutersChina) October 19, 2022
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนคิดเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ ของจำนวนผู้ที่เดินทางมายังท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ จนกระทั่งเกิดการปิดพรมแดนประเทศเมื่อปี 2563 ซึ่งทามุระกล่าวเสริมว่า การดำเนินนโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างต่อเนื่องของรัฐบาลปักกิ่ง และการเปิดประเทศที่ล่าช้าของญี่ปุ่น จะทำให้การฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ของการเดินทางในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ขยับห่างออกไปจนถึงปี 2568
ญี่ปุ่นเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภายหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ที่นานกว่า 2 ปี และหวังว่า ภาคการท่องเที่ยวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บางส่วนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 32 ปี
อย่างไรก็ตาม ทามุระกล่าวว่า ผลกระทบย้อนกลับของเงินเยนที่อ่อนค่า ส่งผลให้การเดินทางไปต่างประเทศสำหรับคนญี่ปุ่นมีราคาแพงขึ้น แม้ว่าในตอนนี้ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นตัวผลักดันการจองเที่ยวบินไปต่างประเทศ แต่ผลกระทบของค่าเงิน อาจทำให้ผู้บริโภคภายในประเทศเลือกสายการบินราคาประหยัด และเข้าพักในโรงแรมที่มีราคาถูกกว่าในต่างประเทศด้วยเช่นกัน.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES